ปรีวิว ยูโร 2024 : เนเธอร์แลนด์ บู๊ อังกฤษ ลุ้นเข้าชิง สถิติสูสีพร้อมจัดฟูลทีมทั้งคู่
“อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ จะพบกับ “สิงโตคำราม” ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2024” รอบรองชนะเลิศ ที่บีวีบี สเตเดียม เมืองดอร์ทมุนด์ ในคืนวันที่ 10 กรกฎาคม เวลา 02.00 น. (เช้ามืดวันที่ 11 กรกฎาคม) ถ่ายทอดสดทางพีพีทีวี เอชดี 36 และทรูวิชั่นส์ ช่อง 603
แม้ว่าเนเธอร์แลนด์จะผ่านรอบแรกมาด้วยการเป็นอันดับ 3 ของกลุ่มดี แต่มาเร่งผลงานในรอบน็อคเอาท์ โดยรอบ 16 ทีมสุดท้ายเอาชนะ โรมาเนีย 3-0 ก่อนที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายจะพลิกสถานการณ์จากโดน ตุรกี ขึ้นนำก่อน มาแซงชนะได้ 2-1
ส่วนทางด้านอังกฤษ ฟอร์มการเล่นยังไม่ถูกใจแฟนบอล โดยรอบแรกชนะ 1 เสมอ 2 คว้าแชมป์กลุ่มซี มาได้ ก่อนที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายจะเอาชนะสโลวาเกียในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 จากนั้นรอบก่อนรองชนะเลิศ ไล่ตีเสมอสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนดวลจุดโทษเอาชนะได้ 5-3
ทั้งสองทีมมีสถิติการพบกันที่สูสีอย่างมาก 22 ครั้งที่ผ่านมา เสมอกันไปถึง 9 ครั้ง ขณะที่เนเธอร์แลนด์ เอาชนะได้ 7 ครั้ง และอังกฤษชนะ 6 ครั้ง ล่าสุดเจอกันในยูฟ่า เนชั่นส์ลีก รอบรองชนะเลิศ เมื่อปี 2019 เป็นอัศวินสีส้มชนะช่วงต่อเวลาพิเศษไปได้ 3-1 แต่ถ้านับเฉพาะศึกยูโร รอบสุดท้าย เจอกันเมื่อปี 1996 อังกฤษที่เป็นเจ้าภาพเอาชนะไปได้ 4-1
โรนัลด์ คูมัน นายใหญ่ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ไม่มีปัญหาในเรื่องของการจัดทีม ไม่มีผู้เล่นบาดเจ็บหรือว่าติดดทษแบน ทำให้สามารถจัดผู้เล่นลงสนามได้อย่างแบบฟูลทีม โดยคาดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงผู้เล่นจากนัดล่าสุดที่ชนะตุรกี นำทีมโดย เวอร์จิล ฟาน ไดค์ กัปตันทีม, ซาวี่ ซิมนส์, เมมฟิส เดปาย และโคดี้ กักโป ที่ลุ้นดาวซัลโวในตอนนี้
ทางฝั่งอังกฤษ ได้ มาร์ค เกอี พ้นโทษแบนกลับมาพร้อมลงสนามได้ รวมถึง ลุก ชอว์ แบ๊กซ้ายตัวจริง ที่กลับมาลงเล่นสำรองได้ในนัดที่แล้ว พร้อมเป็นตัวจริงในเกมนี้ ส่วนแนวรุกอยู่กันพร้อมหน้าไม่ว่าจะเป็น บูกาโย่ ซาก้า, ฟิล โฟเด้น, จู๊ด เบลลิงแฮม หรือแฮร์รี่ เคน
11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
เนเธอร์แลนด์ (4-2-3-1) : บาร์ท แฟร์บรู้กเก้น, เดนเซล ดุมฟรีส์, สเตฟาน เด ฟราย, เวอร์จิล ฟาน ไดค์, นาธาน อาเก้, เยอร์ดี้ สเคาเท่น, ไตจ์ชานี ไรจ์นเดอร์ส, ซาวี่ ซิมนส์, สตีเฟ่น เบิร์กไวจ์น, โคดี้ กักโป และเมมฟิส เดปาย
อังกฤษ (4-3-3) : จอร์แดน พิคฟอร์ด, ไคล์ วอล์กเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ค เกอี, ลุก ชอว์, ดีแคลน ไรซ์, ค็อบบี้ เมนู, จู๊ด เบลลิงแฮม, ฟิล โฟเด้น, บูกาโย่ ซาก้า และแฮร์รี่ เคน