กาลครั้งหนึ่ง ณ ปารีส : Merci and See you 2028
พลันที่ เลออง มาร์กช็องด์ พร้อมด้วยตัวแทนนักกีฬาจาก 5 ทวีป และโธมัส บาค ปธ.โอลิมปิก ร่วมกันเป่าไฟในตะเกียง ที่มาจากคบเพลิงให้ดับลง เป็นอันว่าโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ได้ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการแล้ว
เช่นเดียวกับการทำงานของทุกคนที่จบลงด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะนักกีฬา, นักข่าว หรืออาสาสมัคร ต่างๆ ทุกคนจะได้หยุดพักหลังจากตรากตรำทำงานกันในช่วงเกือบ 3 สัปดาห์ทีผ่านมา
กับส่วนตัวที่ได้รับโอกาสในการมาโอลิมปิกเกมส์เป็นครั้งแรก ทั้งหมดถือว่าผ่านไปด้วยดี ทั้งการทำงานหรือประสบการณ์ที่ได้รับจากมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างนี้
นอกจากนี้สิ่งใหม่ที่ได้ลองนั่นคือการถ่ายภาพกีฬา ซึ่งได้รับโอกาสทำเอดีการ์ดมาเป็นแบบช่างภาพ พร้อมกับได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์จากโซนี่ ไทย ทำให้สามารถรังสรรค์ภาพที่สวยงามหลายๆ ช็อต กลับมาให้ทุกคนได้รับชมกัน
ขณะที่การดูแลของเจ้าภาพก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม อาจจะมีปัญหาเล็กน้อยเรื่องอาหารการกินที่ไม่ค่อยถูกปากนัก (แถมแพงด้วย) แต่ก็พอรับได้
สิ่งที่ชื่นชอบมากที่สุดสำหรับโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้เลย คงต้องยกให้กับสนามแข่งขันต่างๆ ที่เจ้าภาพจัดได้อย่างยอดเยี่ยม
ส่วนตัวได้ไปสัมผัสทั้งสนามวอลเลย์บอลชายหาด ที่มีหอไอเฟลเป็นแบ๊กกราวด์ หรือสนามเทควันโด ที่กรองด์ ปาเลส์ ที่สวยงามมากจริงๆ รวมถึงอีกสนามที่ยอดเยี่ยมก็คือปอร์ เดอ ลา ชาแปลล์ อารีน่า สนามแข่งขันแบดมินตัน ที่ต้องบอกว่าไปบ่อยที่สุด เนื่องจากนักกีฬาไทยทำการแข่งขันหลายวัน ก็เป็นสนามที่ยิ่งใหญ่สมกับการแข่งขันระดับโอลิมปิกเกมส์จริงๆ
รวมถึงการจัดการต่างๆ ของเจ้าภาพทำได้ค่อนข้างดี อาสาสมัครแต่ละคนก็พร้อมให้ความช่วยเหลือ และก็พยายามเพื่อหาทางในการสื่อสารกันให้ได้
รวมถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือเรื่องการรักษาความปลอดภัย จากที่มีความกังวลค่อนข้างเยอะก่อนมา แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีจนจบทัวร์นาเมนต์
โดยรวมแล้วนับเป็นโอลิมปิกเกมส์ที่ดี และเป็นหนึ่งในมหกรรมกีฬาที่ได้มีส่วนร่วมที่น่าประทับใจ
ต้อง ขอบคุณ (Merci) และหวังว่าจะได้พบกันใหม่ที่แอลเอ 2028