วงการ’เชิ้ตดำผู้ดี’ระส่ำ! หวั่นเข้าสู่ภาวะ’สมองไหล’

มาร์ก แคลตเตนเบิร์ก

ข่าวคราวการลาออกจากตำแหน่งอย่างกะทันหันของ มาร์ก แคลตเตนเบิร์ก เชิ้ตดำชาวเมืองผู้ดี และผู้ตัดสินคนดังของ พรีเมียร์ลีก เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการลูกหนังอยู่ไม่น้อย

เนื่องด้วยสำหรับเมืองผู้ดีในตอนนี้ อาจกล่าวได้ว่า แคลตเตนเบิร์กเป็นกรรมการมือวางอันดับ 1 การันตีด้วยผลงานมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปีกลายซึ่งเขาทำ “แฮตทริก” ได้รับเลือกเป่านัดชิงบอลถ้วย 3 รายการใหญ่อย่างเอฟเอคัพ อังกฤษ, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และยูโร 2016

ปัจจุบันแคลตเตนเบิร์กอายุ 41 ปี ยังเหลือเวลาอีก 4 ปีก่อนเกษียณจากหน้าที่ในบอลทัวร์นาเมนต์ตามเกณฑ์ของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) และเหลืออีก 9 ปีสำหรับการทำหน้าที่ในลีก เรียกว่ายังสามารถเป่านกหวีดในลีกชั้นนำของโลกไปได้อีกหลายปี

ประเด็นที่ทำให้ข่าวนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างคือ ทั้งที่หน้าที่การงานดูจะไปได้ด้วยดีอย่างนี้ แคลตเตนเบิร์กกลับเลือกหันหลังให้ลีกยอดนิยมอันดับ 1 ของโลก แล้วตัดสินใจไปรับงานบริหารจัดการเรื่องผู้ตัดสินให้ สหพันธ์ฟุตบอลแห่งซาอุดีอาระเบีย แทน

Advertisement

“เดอะ ซัน” สื่อดังเมืองผู้ดี ระบุว่า แคลตเตนเบิร์กจะได้รับค่าตอบแทนแบบไม่ต้องเสียภาษีตกปีละ 500,000 ปอนด์ (22.5 ล้านบาท) มากกว่าที่ได้จากพรีเมียร์ลีกถึงเท่าตัว แถมยังมีโบนัสอื่นๆ อีกเพียบ

อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าค่าตอบแทนเป็นกอบเป็นกำนี้ ไม่ได้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เชิ้ตดำคนดังตัดสินใจโบกมือลาพรีเมียร์ลีกแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะความอัดอั้นตันใจที่สั่งสมมาก่อนหน้านี้ต่างหาก

ถ้ายังจำกันได้ แคลตเตนเบิร์กคนนี้เคยตกเป็นประเด็นอื้อฉาวเมื่อปี 2012 เมื่อโดนกล่าวหาว่าพูดจาเหยียดผิว จอห์น โอบี มิเกล กองกลาง เชลซี โดยเรียกอีกฝ่ายว่า “ลิง” ระหว่างทำหน้าที่ในสนาม

Advertisement

รวมถึงใช้คำไม่สุภาพด่า ฆวน มาต้า เป็นเชิงเหยียดเชื้อชาติ จนโดน สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) สั่งสอบ แต่ก็พ้นข้อกล่าวหามาได้ นอกจากนี้ ระหว่างปี 2008-2009 เขายังเคยโดนแบน 8 เดือน เพราะโดนตรวจสอบเรื่องสายสัมพันธ์ทางธุรกิจ ซึ่งเขาก็ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วเช่นกัน

ข่าวบอกว่า ตอนที่โดนกระแสสังคมหนักๆ แคลตเตนเบิร์กไม่แฮปปี้กับการปฏิบัติของ บอร์ดบริหารผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพ (พีจีเอ็มโอบี) ซึ่งไม่ได้ให้การช่วยเหลือหรือแสดงความมั่นใจในตัวเขาเท่าที่ควร จึงไม่มีใจจะทำงานให้สักเท่าไร

ไมก์ ฮัลซีย์ อดีตผู้ตัดสินพรีเมียร์ลีก แสดงความเห็นผ่านข้อเขียนของตัวเองว่า การที่อังกฤษต้องสูญเสียหนึ่งในเชิ้ตดำที่ดีที่สุดในโลกในครั้งนี้ ไมก์ ไรลีย์ ผู้จัดการพีจีเอ็มโอบี ควรโดนตำหนิเต็มๆ เพราะแคลตเตนเบิร์กรู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้ง ถือเป็นการบริหารงานที่ขาดประสิทธิภาพของไรลีย์

ไมก์ ไรลีย์
ไมก์ ไรลีย์

เพราะเอาแต่คนที่เห็นด้วยกับตัวเองเป็นพวกจนใครๆ ก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย ไม่ใช่แค่แคลตเตนเบิร์กเท่านั้น ตอนนี้กรรมการหลายคนในลีกต่างก็ไม่แฮปปี้กับวุฒิภาวะความเป็นผู้นำและการบริหารองค์กรของไรลีย์จนอาจจะเดินตามรอยแคลตเตนเบิร์กขึ้นมา

ฮัลซีย์พูดไม่ทันขาดคำก็มีข่าวว่า ไมเคิล โอลิเวอร์ กรรมการเลือดใหม่วัย 32 ของพรีเมียร์ลีก ก็ทำท่าจะลาบ้านเกิดไปรับงานที่เมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ สหรัฐอเมริกา ทั้งที่เริ่มสร้างชื่อจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในตอนนี้

FBL-ENG-PR-WEST HAM-WEST BROM
ไมเคิล โอลิเวอร์

ก่อนหน้านี้ ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ อดีตเชิ้ตดำมือ 1 ของอังกฤษซึ่งเคยทำหน้าที่เป่าเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 2010 มาแล้ว เคยรับงานผู้อำนวยการฝ่ายผู้ตัดสินของสหพันธ์ฟุตบอลแห่งซาอุดีอาระเบีย ก่อนลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา (จนแคลตเตนเบิร์กถูกทาบทามไปทำหน้าที่แทน) เพื่อไปรับงานผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการสนับสนุนการตัดสินด้วยกล้องวิดีโอของเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ ซึ่งไม่แน่ชัดว่าการชั่งใจเรื่องย้ายไปอเมริกาของโอลิเวอร์จะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่

แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้วงการเชิ้ตดำเมืองผู้ดีกำลังตื่นตระหนกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเร่งให้มีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องภายในของบอร์ดบริหารผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพที่ไมก์ ไรลีย์ นั่งหัวโต๊ะอยู่

ไม่เช่นนั้นวงการผู้ตัดสินอาจเกิดภาวะ “สมองไหล” ไม่ต่างอะไรกับสถานการณ์ของนักเตะอาชีพที่โดนลีกจีนทุ่มงบประมาณดึงตัวไปในช่วงพีคๆ เหมือนในปัจจุบัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image