ตามที่กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พยายามต่อรองกับสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อขอเช่าพื้นที่บางส่วนของสนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวัน เป็นที่ตั้งสำนักงาน และจัดแข่งขันกีฬาต่อไปหลังจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีนโยบายทยอยเรียกคืนพื้นที่เพื่อนำไปใช้ในการเรียนการสอน ซึ่งกรมพลศึกษา ต้องเสียพื้นที่ในการบริหารจัดการ และการออกกำลังกายของประชาชนไปหลายส่วนกว่า 70 เปอร์เซนต์ ทั้งสระวิสุทธารมณ์, สนามเทนนิส, อาคารจันทนยิ่งยง ฯลฯ โดยยังเหลืออาคารกีฬานิมิบุตร, สนามศุภชลาศัย, สนามต้นโพธิ์ 200 เมตร และสนามเทพหัสดินเท่านั้น
ขณะเดียวกันที่ผ่านมา กรมพลศึกษา ได้ศึกษาแนวทางในการย้ายออกจากพื้นที่ไปตั้งสถานที่ดำเนินการแห่งใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ดินราชพัสดุ บางปิ้ง จ.สมุทรปราการ, พื้นที่บางส่วนของศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ รวมถึงมีแนวทางสร้างตึกสูงข้างสนาม 200 เมตร และสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษาฯ คลอง 6 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อใช้เป็นที่ตั้งถาวรนั้น
ล่าสุด “บิ๊กนเร” นายนเร เหล่าวิชยา อธิบดีกรมพลศึกษา เปิดเผยว่า สำหรับกรณีที่ตั้งของกรมพลศึกษานั้น ได้มีการพูดคุยกับทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้วในเรื่องของการวางแผนกันอย่างไรต่อในอนาคต ซึ่งกรมพลศึกษาจะใช้ที่้ตั้งเดิมภายในสนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวัน หรือไม่นั้น คงยังตอบไม่ได้ชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร นายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้วางแผนเตรียมที่จะลงไปสำรวจพื้นที่บริเวณสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษาฯ คลอง 6 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้่ เพื่อดูความเหมาะสมว่าจะสามารถใช้เป็นที่ตั้งใหม่ของกรมพลศึกษาหรือไม่
“ถ้าจะถามว่ากรมพลศึกษาจะย้ายหรือไม่ย้ายที่ตั้ง จริงๆ แล้วคงต้องย้าย ซึ่งถ้าถึงเวลาแล้วก็คงต้องย้าย แต่ก็คงจะต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรประมาณ 7-10 ปี โดยผมได้เตรียมแผนสำหรับที่ตั้งแห่งใหม่ของกรมพลศึกษาไว้ที่คลอง 6 แล้ว ซึ่งมีบริเวณพื้นที่ไม่เล็กจนเกินไป และก็มีสนามกีฬาต่างๆ รวมทั้งลู่วิ่ง พร้อมอยู่แล้ว สิ่งที่จะต้องทำต่อไปก็คือ การสร้างอัฒจรรย์ ทั้งนี้ ตั้งเป้าไว้ว่าอาจจะต้องเวลา 7-10 ปีถึงจะย้ายสำนักงานของกรมพลศึกษาทั้งหมดไปอยู่ที่คลอง 6 และตามแผนนี้ภายในเดือนเมษายน-พฤษภาคมก็จะย้ายสำนักงานบางส่วนของกรมพลศึกษาไปอยู่ที่คลอง 6 แล้วอีกด้วย” นายนเรกล่าวปิดท้าย
