ศึกฟุตบอลถ้วย “เอฟเอคัพ อังกฤษ” ฤดูกาล 2016-17 รอบ 8 ทีม คู่สุดท้าย เมื่อวันที่ 13 มีนาคม เป็นเกมบิ๊กแมตช์ระหว่าง “สิงห์บลู” เชลซี เจ้าถิ่น และแชมป์ 7 สมัย ซึ่ง 4 แชมป์ในนั้นเพิ่งเกิดขึ้นระหว่างฤดูกาล 2006-07 ถึง 2011-12 เปิดบ้านพบ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์สูงสุดร่วม 12 สมัย ที่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เริ่มเกมได้ 35 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ที่แพ้แค่นัดเดียวจาก 28 นัดก่อนหน้านี้จากทุกรายการ แต่ไม่มีซลาตัน อิบราฮิโมวิช ศูนย์หน้าตัวเก่งที่ติดโทษแบน 3 นัดเป็นเกมแรก ต้องเหลือแค่ 10 คน หลังอันเดร์ เอร์เรร่า กองกลางตัวตัดเกมโดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงจากการไล่ทำฟาวล์เอเด็น อาซาร์ จอมทัพเจ้าถิ่นทั้ง 2 ครั้ง
ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของนักเตะทีมเยือน และตัวเอร์เรร่า ที่เห็นว่าไมเคิล โอลิเวอร์ ผู้ตัดสินหนุ่มวัยเพียง 32 ปี ตัดสินใจเกินกว่าเหตุ
จากนั้น เชลซีที่มีคนมากกว่าได้ประตูชัย 1-0 จากการยิงไกลของเอ็นโกโล่ ก็องเต้ ช่วงต้นครึ่งหลัง และเป็นประตูแรกของมิดฟิลด์ตัวรับร่างเล็กรายนี้ ที่ทำประตูให้ต้นสังกัดตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมปีก่อน ซึ่งครั้งนั้นก็เป็นการยิงแมนฯ ยูไนเต็ด ในวันที่ทีมสิงห์บลูถล่มชัย 4-0 เกมลีก
แถมในครึ่งแรก โจเซ่ มูรินโญ่ อดีตกุนซือเชลซี ของแมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีปากเสียงกับอันโตนิโอ คอนเต้ นายใหญ่สิงห์บลูคนปัจจุบันอีกด้วย หลังมูรินโญ่เคยต่อว่าคอนเต้ฝ่ายเดียวหลังเกมลีกเมื่อเกือบ 5 เดือนก่อน
ส่วนผลการจับสลากประกบคู่เอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศ ปรากฏว่า เชลซี พบ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ และ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล อีกหนึ่งแชมป์สูงสุดร่วม 12 สมัย พบ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ระหว่างวันที่ 22-23 เมษายน โดยทั้งหมดจะแข่งกันที่สนามเวมบลีย์ และเป็นเกมเดียวรู้ผล