หลังจากที่ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ บุกไปพ่ายให้กับ “ซามูไรบลูส์” ญี่ปุ่น 4-0 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่มบี นัดที่ 7 ที่ไซตามะ เวิลด์คัพ สเตเดียม เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ทำให้ผ่าน 7 นัด มีเพียง 1 คะแนน โอกาสไปฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่ประเทศรัสเซีย หมดลงแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ได้นำลูกทีมเดินทางกลับมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินทีจี 683 โดยมี “บิ๊กเสือ” นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) มาให้การต้อนรับ
“บิ๊กเสือ” กล่าวว่า ที่เดินทางมารับนักเตะทีมชาติด้วยตัวเองเพราะเห็นว่าเกมกับญี่ปุ่นนั้นนักเตะเล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าจะแพ้มาก็ตามที แต่นี่คือการเจอกับทีมชั้นนำของเอเชียที่ก้าวไประดับโลกแล้ว ดังนั้นความพ่ายแพ้ครั้งนี้ นักเตะจะได้ประสบการณ์อย่างแน่นอน
ด้าน “ซิโก้” กล่าวว่า ต้องขอโทษแฟนบอลสำหรับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น ทุกคนรู้ดีว่าเกมกับญี่ปุ่นเป็นเกมที่หนัก ซึ่งนัดก่อนหน้านี้แพ้ซาอุดีอาระเบียมาก็ทำให้นักเตะผิดหวัง แต่ทุกคนก็สลัดความผิดหวังนั้นมาสู้กับญี่ปุ่น ซึ่งเราแพ้เพราะความเฉียบขาดเขามีมากกว่าเท่านั้น อย่างไรก็ตามเกมนี้ก็ทำให้เห็นว่านักเตะหลายคนมีอนาคต และทีมชุดนี้สามารถไปต่อได้
“ได้มีการคุยกับท่านนายก (พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง) แล้ว ท่านได้ให้กำลังใจ และบอกให้เล่นในทรงนี้ เพราะดูมีอนาคต แต่ก็แนะนำให้ปรับเปลี่ยนทีม หานักเตะใหม่ๆ เข้ามาเสริมด้วย ดังนั้นจะต้องไปดูเกมลีกให้มากขึ้น เพื่อนำมาใช้ใน 3 เกมที่เหลือ เพราะต้องยอมรับว่านักเตะที่อยู่ในทีมตอนนี้ บางคนฟอร์มตกจริงๆ” โค้ชซิโก้กล่าว
“โค้ชซิโก้” กล่าวต่อว่า เรื่องอนาคตของตัวเองนั้น ตอนที่เซ็นสัญญา 1 ปีก็รู้ว่าเป็นงานที่ยาก แต่ตอนนี้มีงานอย่างอื่นที่ต้องทำอีกมาก ทุกคนรู้ดีว่าการไปฟุตบอลโลกนั้นคงไม่ได้ไปภายในปีเดียวอย่างแน่นอน ฉะนั้นอยู่ที่การวางแผนงานในอีก 4-5 ปีข้างหน้าต่อไปจะต้องทำอย่างไร ญี่ปุ่นใช้เวลา 20 ปีกว่าจะไปฟุตบอลโลกได้ แต่ตอนนี้ไทยยังไม่มีศูนย์ฝึก ไม่มีแบบแผนอะไรเลย ดังนั้นเราก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน
อดีตกองหน้าจอมตีลังกา กล่าวปิดท้ายว่า ใน 3 เกมที่เหลือ 11 ตัวหลักคงจะไม่มีการเปลี่ยนทีมมาก ต้องใช้ตัวที่ดีที่สุดลงเล่น แต่ก็อาจจะมีเรียกมาใหม่บ้าง เพราะอย่างไรก็ตามเกมที่เหลือยังอยากมีแต้มมากกว่านี้ แม้จะอยากให้นักเตะได้ประสบการณ์ แต่ก็ต้องสู้อย่างสูสีด้วยเช่นกัน ส่วนที่หลายคนชอบเรียกนักเตะบางคนเป็นลูกรักนั้น ไม่อยากให้ใช้คำนี้ และตอนนี้ถ้าหากลูกรักไม่ช่วยตน ตัวเองก็อาจจะไปก่อนเหมือนกัน ดังนั้นทุกคนต้องขยับตัว คนไหนไม่เต็มร้อยก็จะต้องหลุดจากทีมแล้ว นักเตะทีมชาติไทยทุกคนเป็นลูกรักหมด ถ้าใครไม่ฟิตพร้อมจริงๆ ก็เจอกันเมื่อชาติต้องการ
ทั้งนี้ นัดต่อไปของทีมชาติไทย จะเปิดราชมังคลากีฬาสถาน รับการมาเยือนของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) วันที่ 13 มิถุนายน
