เปลี่ยนเพื่อเดินต่อ ตามหาความสุข เป้าหมายของชีวิตและการสนับสนุนกีฬา แบบฉบับ นิน เพชรพัณณิน
หลายคนคงเริ่มคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับเธอคนนี้ “นิน” เพชรพัณณิน พากฤตโยธิน ว่าที่ผู้สมัคร สส. กระแสแรง นิน จบการศึกษาระดับปริญญาโทด้วยเกียรตินิยมอันดับสอง เป็นบุตรีคนเดียวของ ผอ.สหัส และ สุภาพ พุทธสุขา เป็นหลานสาวของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ผู้หญิงที่มีแนวคิดดีและนโยบายที่สร้างสรรค์ ตอบโจทย์โลกยุคใหม่ นอกจากเธอจะวางตัวดี มีผลงานเด่นและมีไหวพริบ คุณนินยังรั้งตำแหน่งที่ปรึกษาในด้านยุทธศาสตร์การเมืองอีกด้วย ส่วนในด้านแวดวงกีฬา เป็นที่รู้กันดีว่าคุณนินคือประธานสโมสรฟุตบอลจ้าวยูไนเต็ด ทีมที่มีชื่อเสียงมากทีมนึงในภาคใต้ ทีมที่ปั้นนักเตะเยาวชนสู่นักเตะอาชีพ ทีมที่สร้างคนให้เติบโตอย่างมั่นคง เธอคนนี้ ที่ใครหลายคนต่างก็จับตามอง และให้ความสนใจในตัวเธอ ด้วยผลงานที่โดดเด่น และการกลับมาลงสนามการเมืองอย่างจริงจัง จึงเป็นเหตุผลที่วันนี้เราจะพามาเปิดมุมมองส่วนตัวในการใช้ชีวิตมาฟังแนวคิดดีๆ ในอีกแง่มุมที่ต่างออกไปจากเรื่องการเมือง มาฟังมุมมองของความรักและการส่งต่อพลังบวก ผ่านบทสัมภาษณ์พิเศษ ที่เราไม่เคยได้ฟังจากที่ไหนมาก่อน
“สวัสดีค่ะ” คำทักทายด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเอง เรียบง่าย เข้าถึงได้ ใบหน้ายิ้มแย้ม สดใส ทราบมาว่าก่อนหน้านี้นินเจอบททดสอบที่หนักมากในชีวิต คิดว่าอะไรที่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต ที่ทำให้นินพลิกวิกฤตในชีวิตให้เป็นโอกาสและกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในวันนี้?
นิน : ย้อนไปในช่วงจังหวะชีวิตที่ผ่านมา นินยอมรับค่ะว่านินเจอปัญหาหนักเลยค่ะ แรกๆนินเอาทุกอย่างที่เจอมารวมกันในคำว่า “ปัญหา” เป็นช่วงที่เสียสุขภาพจิต ชีวิตล้ม ใช้อารมณ์นำเหตุผล จนต้องสูญเสียหลายอย่างไป นินวางแผนในการแก้ปัญหาผิดพลาด เพราะขาดสติ เราเอาแต่โฟกัสแค่ปัญหาที่มีมากจนเครียดเกินไป รวมถึงปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ทำให้ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและความคิดค่อนข้างมากค่ะ นินสูญเสียความเป็นตัวเอง หลงลืมศักยภาพของตัวเองและหลงลืมสติที่ควรมีให้มากกว่าอารมณ์ ตลอดเวลาที่ผ่านมานินพยายามทำเพื่อคนอื่นมาก จนลืมทำเพื่อตัวเองค่ะ แต่เพราะคำพูดของคนที่นินรัก มันเป็นจุดที่ทำให้นินเปลี่ยนความคิด เขาพูดว่า “ไปทำชีวิตตัวเองให้ดีก่อน หัดทำเพื่อตัวเองบ้าง อย่าทำแต่เพื่อคนอื่น อย่าเอาแต่มองแค่ปัญหา ใช้สติให้มาก” เป็นคำพูดที่ทำให้นินมานั่งทบทวนตัวเอง อยู่กับตัวเองมากขึ้น ย้อนไปในจุดที่สุขที่สุด จนถึงจุดที่แย่ที่สุด เมื่อใจเย็นลง และเวลาผ่านไป นินกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราเจอทุกข์ ทุกข์ของเราเป็นแบบไหน ปัญหาของเราคืออะไร เมื่อเราได้คำตอบ เราก็หาวิธีแก้ วางแผนในการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แน่นอนค่ะว่ามันไม่สามารถแก้ได้ภายในวันเดียว แต่เราต้องมีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะแก้ไขมันด้วยความจริงจัง เราต้องเชื่อว่าสุดท้ายมันจะผ่านไปได้ แต่ในระหว่างที่แก้ปัญหา เราก็ควรมีช่วงเวลาที่ต้องใช้ชีวิตให้มีความสุขควบคู่ไปด้วย มีมุมผ่อนคลาย ค่อยเป็นค่อยไป มีจุดที่ได้ใช้เวลากับครอบครัวกับคนรัก สร้างความสงบในใจให้ได้ เพราะความสงบจะนำมาซึ่งสติ สตินำมาแก้ปัญหาได้ดี เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าระหว่างพรุ่งนี้กับความตายอะไรจะมาถึงก่อนกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องมองคือ “ปัจจุบัน” ทำมันให้ดีที่สุด เริ่มที่ตัวเราก่อน ปรับมุมมองของตัวเราก่อน ใจเย็น มองโลกด้วยความเป็นจริง ยอมรับความจริง เมื่อตัวเราตกตะกอนความคิด เข้าใจชีวิตมากขึ้น ปล่อยวางได้มากขึ้น ตัวเราก็เป็นสุข คนรอบข้างก็จะมีความสุขไปด้วยค่ะ ส่วนปัญหาที่เจอ สิ่งที่สำคัญมากๆที่ได้เรียนรู้คือ อย่ากลัวที่จะเผชิญหน้ากับมันค่ะ อย่าอายอย่ากลัวที่ต้องพยายามแก้ไขมัน สุดท้ายมันจะมีทางออกรอเราอยู่เสมอค่ะ ตราบใดที่เรามีชีวิตอยู่ มีแรงกายแรงใจ เรายังมีศักยภาพ มีความรู้ อย่าดูถูกตัวเอง อย่าให้ใครมาตัดสินชีวิตเรา เรายังมีครอบครัว มีเพื่อน พี่น้องที่เราสามารถขอคำแนะนำ ขอคำปรึกษาได้ เรามีประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาจากอดีต สิ่งเหล่านี้สำคัญมากในการนำมาพลิกวิกฤตชีวิตให้กลับมามีโอกาสที่ดีได้อีกครั้งได้ค่ะ นินเชื่อแบบนั้น เมื่อเราเชื่อ เมื่อมีความตั้งใจ เมื่อลงมือทำจริง สุดท้ายเราก็กลับมายืนได้อีกครั้ง ทุกอย่างจะกลายมาเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีของชีวิต จนเราต้องหันกลับไปขอบคุณตัวเราเอง และทุกอย่างรอบตัว ที่เป็นบทเรียนสำคัญ ทั้งดีทั้งร้าย เพราะถ้าไม่มีสิ่งเหล่านั้น เราจะไม่เข้าใจชีวิตอย่างแท้จริงได้เลยค่ะ
นินคิดว่าเราอยู่ในโลกใบนี้ไปเพื่ออะไร?
นิน : อันนี้เป็นคำถามที่ตอบยากมากค่ะ เพราะแต่ละช่วงชีวิตเราก็อาจจะคิดไม่เหมือนกัน มันจะเปลี่ยนไปตามอายุ ตามเงื่อนไขของการใช้ชีวิตในขณะนั้น ความรับผิดชอบของคนเราก็ต่างกัน มันคงไม่มีเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานสำหรับคำตอบนี้ค่ะ แต่สิ่งที่เป็นไปได้คือ เราต้องค่อยๆทบทวนชีวิตและความเป็นไปได้ และในขณะเดียวกันเราก็ต้องถามตัวเองด้วยว่าเราเองอยากได้อะไรจากการมีชีวิตอยู่ในตอนนี้ ชีวิตมันมีหลายมิติค่ะ แต่สำหรับนินใจที่เป็นสุขและปล่อยวางได้ ไม่ยึดติด ไม่สะสมพลังงานลบ ไม่มีความรู้สึกแย่ๆกับใคร ไม่คิดร้ายกับใคร มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าเราต้องทำอะไร ตรงนี้ทำให้นินรู้สึกดีกับตัวเองค่ะ และทำให้มีกำลังใจที่จะขับเคลื่อนชีวิตตัวเองต่อไป
ว่ากันว่าคนเรามันจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่เราจะมีความสุขแบบมากๆ แบบสุดๆ สำหรับนินคือช่วงเวลาไหน?
นิน : สำหรับนินมี 3 แบบค่ะ แบบที่ 1 คือ ช่วงเวลาของความเงียบสงบการได้เรียนรู้และอยู่กับตัวเอง นอนหลับไปด้วยความสบายใจ ได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่มีใครมาตัดสินเรา มาจับจ้องเรา มาด่าว่าเราโดยที่ไม่รู้จักตัวตนของเราจริงๆ ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็นไปตามธรรมชาติของมัน แบบที่ 2 คือความสุขที่สนุก คือการได้ออกไปเรียนรู้ ไปเจอผู้คน ไปสถานที่ต่างๆ ได้ทำงานที่เรารักและได้เห็นผลที่ออกมาดี แบบที่ 3 คือ การเห็นครอบครัวและคนที่เรารักมีความสุข โดยเราเป็นส่วนนึงในการสร้างความสุขนั้นค่ะ
อายุเข้าเลข 3 มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง มีความคิดอะไรที่ต่างจากตอนเป็นวันรุ่นบ้าง?
นิน : สำหรับนิน นินอยากได้อะไรน้อยลงจากปัจจัยภายนอกค่ะ ไม่ได้มีความโลภ โกรธ หลง เท่ากับตอนที่เราเป็นเด็กกว่านี้ แต่พออายุมากขึ้น ความสงบความนิ่งภายในใจก็มีมากขึ้น เป็นชีวิตที่ไม่ได้ต้องการความหวือหวาแค่ต้องการความมั่นคง ปลอดภัย ความมั่นคงในที่นี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการงาน การเงิน แต่คือทางจิตใจที่สำคัญมากๆค่ะ การที่เราจะได้รับความสงบในชีวิต มันเริ่มจากการเปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตเรามันไม่มีอะไรเลยที่เราจะจำ นอกจากประสบการณ์ชีวิตที่เข้มข้น ที่จะประทับตรึงอยู่ในใจของเราเอง นินพยายามเตือนตัวเองว่าเมื่อเราอายุมากขึ้น เราอย่าปล่อยให้สติไปตกหลุมพลังงานลบ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วชีวิตเราจะทุกข์ไปเรื่อยๆค่ะ ยิ่งเราต้องทำงานด้านการเมือง เราต้องดูแลคนข้างหลัง สติในการทำงาน จิตใจที่เข้มแข็งก็ต้องมีมากขึ้นตามไปด้วยค่ะ
ทำอย่างไรชีวิตถึงจะเลือกได้?
นิน : จริงๆนินเองก็ไม่อยู่ในจุดที่เลือกได้หรือไม่ได้ค่ะ ด้วยสถานการณ์ที่เจอในแต่ละวัน บางเรื่อง บางคนเราไม่ได้เลือก แต่ก็เข้ามาให้เราได้เจอ ได้เรียนรู้ แต่ถ้าเลือกได้แน่นอนเราทุกคนเลือกที่จะมีความสุขค่ะ สิ่งที่นินคิดว่าเราทุกคนควรมีคือ การมีคุณค่าในตัวเอง การโอบกอดคุณค่าของตัวเอง เคารพตัวเอง และเคารพผู้อื่น เราควรถามตัวเองว่าสิ่งไหนคือตัวตนของเรา น้องชายนินพูดเตือนสตินินว่าก่อนจะค้นหาคำตอบในใจ สิ่งแรกที่ต้องทำคือวางทิฐิในใจลงก่อน ใช้ใจถามใจ และใช้ใจฟังใจ ถามตัวเองให้ชัด สิ่งไหนที่เราอยากจะทำมันจริงๆ อะไรที่เรารักและเห็นคุณค่าของมันจริงๆ โดยที่เราไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นจะคิดแบบไหน แค่เราไม่ทำให้ใครเดือนร้อนก็ดีแล้ว เมื่อเราค้นพบสิ่งที่เราอยากทำ สิ่งที่เรารัก เราจะพัฒนาตัวเราเอง พัฒนาสิ่งที่เราอยากทำให้มันดีขึ้นค่ะ เพราะไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่สุดท้าย เมื่อเรามีคุณค่า เราจะเจอสิ่งที่คู่ควรกับเรา คนที่เห็นคุณค่าของเราจริงๆ จะยอมรับ เข้าใจ และจะคอยบอกคอยสอนคอยเตือนสติ คอยอยู่เคียงข้าง เพื่อทำให้เราเติบโตขึ้นอย่างมีคุณค่า
หลักการคิดยังไงบ้างสำหรับการใช้ชีวิต?
นิน : นินจะบอกตัวเองเสมอว่า อย่างแรกคือ ไม่ชอบให้คนอื่นทำแบบไหนกับตัวเองอย่าทำแบบนั้นกับคนอื่น อย่างที่สองคือ เป็นของขวัญให้กับคนที่ได้พบเจออย่าเป็นบาดแผลของพวกเขา อย่างที่ 3 คือ มารยาทไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องมี อย่างสุดท้ายสำคัญคือการมีสติ
มีแนวคิดการทำทีมกีฬาอย่างไรบ้าง?
นิน : สร้างทีมกีฬา เพื่อให้กีฬาพัฒนาชีวิตไปในทิศทางที่ดีขึ้นค่ะ เติมเต็มส่วนที่ขาดหายเท่าที่จะเป็นไปได้ ให้เยาวชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นค่ะ เราต้องมุ่งมั่น ตั้งใจ และมีความเสียสละด้วยใจจริง เราอย่าคิดแค่ว่าเราจะได้อะไรจากสิ่งที่ทำ เพราะแน่นอนเราเลือกทำ เรามีความสุข แต่ให้คิดว่าสิ่งที่เราทำให้อะไรต่อผู้อื่นและสังคมบ้าง มันสำคัญมากจริงๆค่ะ *มุมมองความรัก หรือนิยามความรักของคุณนินเป็นยังไงบ้างคะ : นินคิดว่านินยังไม่เข้าใจความรักดีพอด้วยซ้ำค่ะ มันเป็นอะไรที่ลึกซึ้ง แต่สำหรับนินความรักเป็นเรื่องที่ดีค่ะ ความรักกับความว่างเปล่าเหมือนจะเป็นจุดเดียวกันด้วยซ้ำ เพราะเมื่อเรารักใครสักคนด้วยใจจริง มันจะไม่มีเราอยู่ในนั้น มันจะมีแค่เขา เราจะมองหาในสิ่งที่รู้สึกว่าดีที่สุดสำหรับเขา เราจะเห็นความต้องการของเขาเป็นที่ตั้ง เราอยากเติมเต็มให้เขา อยากให้เขามีชีวิตที่ดี มันไม่ใช่เฉพาะแค่สถานะของคนที่เป็นคนรัก มันหมายรวมถึง สถานะของพ่อแม่ลูก พี่น้องเพื่อนฝูงด้วยค่ะ แต่สำหรับนิน นินเป็นคนที่อยากทำให้คนที่เรารักมีชีวิตที่ดี มีความสุข ช่วงจังหวะชีวิตที่ผ่านมามันเป็นช่วงที่นินได้เรียนรู้ความรักมากขึ้น เข้าใจความรักมากขึ้น ตกตะกอนความคิดในแง่มุมความรักมากขึ้น แต่กว่าจะเข้าใจมันได้ ก็ผ่านความเสียใจมาก่อน สุดท้ายรู้สึกว่าไม่มีเขาเราก็อยู่ได้ แต่แน่นอนการมีเขามันดีกว่า มันมีความสุขมากกว่า ถ้าหากมองกลับกันล่ะ ถ้าเขาต้องมีเราแล้วเขาทุกข์ เราต้องปล่อยเขาไปค่ะ เพราะการที่ใครสักคนจะอยู่ในชีวิตเรา เขาต้องมีความสุข เราต้องเป็นคนรัก เป็นความรักในเวอร์ชั่นที่ดีด้วย ซึ่งมันประกอบไปด้วยความเข้าใจ การยอมรับความจริงในตัวตนของอีกฝ่าย มีความเชื่อใจซึ่งกันและกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ให้พื้นที่ส่วนตัว พื้นที่ในการใช้ชีวิตของอีกฝ่าย และต้องเข้าใจว่าไม่มีใครเป็นได้ดั่งใจเราทุกอย่าง เราก็ไม่สามารถเป็นได้ดั่งใจเขาทุกอย่าง สุดท้ายเวลาและสิ่งที่เราพบเจอ มันจะทำให้เรารู้และได้เข้าใจมุมมองของความรักในแบบฉบับของเราได้เอง และค้นพบได้เองว่า หัวใจและความรักของเราควรวางไว้ที่ใครค่ะ
ถ้าอยากขอบคุณ อยากขอบคุณใครที่สุด สำหรับทุกช่วงเวลาที่ผ่านมา?
นิน : นินอยากขอบคุณโอ พงศกรค่ะน้องชายที่อยู่เคียงข้างนินมาเสมอไม่เคยทิ้งนินเลย อยากขอบคุณปอที่คำพูดของปอทำให้นินลุกขึ้นมาสู้ อยากขอบคุณครอบครัวที่คอยให้กำลังใจเป็นส่วนสำคัญสำหรับชีวิตเสมอ อยากขอบคุณผู้ใหญ่ทุกท่านที่ให้ความเมตตาให้คำแนะนำช่วยเหลือ อยากขอบคุณน้องๆ พี่ๆ ตำรวจวังหัวหินที่คอยสนับสนุนในหลายๆ อย่างที่ทำและขอบคุณเพื่อนพี่น้องทุกคนที่ให้กำลังใจเสมอค่ะ
สุดท้ายอยากบอกอะไรกับคนที่กำลังทุกข์ หรือขาดกำลังใจในการใช้ชีวิตบ้าง?
นิน : อันดับแรกยอมรับความจริงในสิ่งที่เราเจอก่อนค่ะ แล้วบอกตัวเองว่า เรามีค่าในตัวเองเสมอ เราต้องมีสติในการแก้ปัญหา ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป แม้กระทั่งความทุกข์ที่เข้ามา เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป ชีวิตคนเรามันไม่ได้ง่าย แต่มันก็ไม่ยากเกินกว่าความพยายามและความเข้มแข็งของตัวเราเองค่ะ ส่งกำลังใจให้ทุกคนค่ะ รักตัวเองให้มาก เห็นคุณค่าของตัวเองอยู่เสมอ ใช้สตินำพาชีวิต สุดท้ายเราจะมีหนทางที่ดีให้เดินเสมอค่ะ