ความเคลื่อนไหวของทีมตะกร้อชายของไทยชุดเตรียมลุยศึกกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 13-30 สิงหาคม ล่าสุด หัวหน้าโค้ชทีมตะกร้อชาย เปิดเผยว่า ได้เรียกยอดฝีมือนักตะกร้อชายของไทยมาเข้าแคมป์เก็บตัวร่วมกันอยู่ที่ศูนย์ฝึกตะกร้อแห่งชาติ คลอง 2 ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา จำนวน 22 คน โดยช่วง 3 เดือนแรกที่ฝึกซ้อมกันอยู่นั้น ไม่รู้เลยว่าไทยจะส่งแข่งขันประเภทใดบ้างเพราะต้องรอทาง “เจ้าภาพ” มาเลเซีย ซึ่งเป็นคู่ปรับตลอดกาลของไทยยืนยันมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ชัดเจนแล้วว่า มาเลเซีย ให้แต่ละชาติส่งแข่งได้ไม่เกิน 3 ประเภทจาก 5 ประเภทที่จัดแข่งขัน โดยตะกร้อชาย ไทยจะส่ง 3 ประเภทได้แก่ ทีมชุดชาย, คู่ชาย และทีมเดี่ยวชาย โดยนอกจากตัวหลักที่อยู่กันครบครันนำโดย “ซ้ายสั่งตาย” ศิริวัฒน์ สาขา, อนุวัติ ชัยชนะ, ภัทรพงศ์ ยุพดี, พรชัย เค้าแก้ว, “ยาวปืนใหญ่” สิทธิพงศ์ คำจันทร์, อัศดิน วงษ์โยธา ฯลฯ แล้ว ได้เรียกนักกีฬาประเภทคู่โดยเฉพาะมาซ้อมแทคติคร่วมกันเพิ่มเติมอีกด้วย เพราะไม่อยากใช้นักกีฬาประเภททีมชุดไปเล่นตะกร้อคู่เพราะอาจซ้ำซ้อนกันนักกีฬาจะเหนื่อยล้าเกินไป
นายกมลกล่าวต่อว่า ซีเกมส์คราวนี้เป็นงานสาหัสที่สุดของทีมตะกร้อชายของไทยเพราะต้องเจอกับมาเลเซีย ในบ้านด้วย ทั้งการรับมือกับนักตะกร้อเจ้าถิ่นในสนาม กองเชียร์เจ้าถิ่นที่เชียร์กันดุเดือด รวมไปถึงเล่ห์เหลี่ยมวิธีการต่างๆ ของเจ้าภาพให้ได้เปรียบคู่แข่ง ดังนั้นการไปซีเกมส์คราวนี้นักตะกร้อชายของไทยต้องพร้อมทั้งร่างกาย และจิตใจ ต้องรู้วิธีการรับมือทุกรูปแบบ โดยทุกๆ วันหลังการฝึกซ้อมนักตะกร้อไทยทุกคนจะต้องฝึกสมาธิให้หัวจิตหัวใจนิ่ง และแกร่งพอ สำหรับจุดเด่นของทีมตะกร้อเสือเหลืองชุดนี้อยู่ที่การเสิร์ฟของตำแหน่งแบ๊ค โมฮัมเหม็ด รอสรี่ ที่แม่นยำ และหนักหน่วง ซึ่งเคยปะทะกับนักตะกร้อไทยมาแล้วในศึก “คิงส์คัพ” เมื่อปีที่ผ่านมา
“ผมยังมั่นใจลึกๆ ว่าถ้าเจอกันชั่วโมงนี้ตะกร้อไทยต้องกวาดทั้ง 3 ทองได้แน่นอน เพราะปัญหาของทีมมาเลเซียชุดนี้ยังมีให้เห็นหลายจุดทั้งการขาดความแน่นอนในการเล่น แต่การต้องเจอกันในถิ่นเสือเหลืองผนวกกับความแค้นที่มาเลเซียมีต่อไทยหลังเหตุการณ์วอล์กเอาต์ในศึกคิงส์คัพยิ่งทวีความดุเดือดในการเจอกันในซีเกมส์คราวนี้ แต่ผมเชื่อว่านักตะกร้อไทยเก๋าพอที่จะผ่านไปได้”เฮดโค้ชตะกร้อไทยกล่าว
