“เดลี่ เมล” สื่อประเทศอังกฤษ รายงานเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ว่า สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ประกาศตรวจสอบการย้ายทีมที่เป็นสถิติโลกครั้งล่าสุดของปอล ป๊อกบา จากยูเวนตุส กลับมาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ด้วยค่าตัว 89.3 ล้านปอนด์ (4,018 ล้านบาท / อัตรา 1 ปอนด์ 45 บาท) หลังมีเอกสารลับที่ค้นคว้าโดย “แดร์ สปีเกล” สื่อประเทศเยอรมนี ว่า มิโน่ ไรโอล่า เอเยนต์ชื่อดังของป๊อกบาจะได้รับเงินจากการย้ายทีมครั้งนี้มากกว่า 41 ล้านปอนด์ (1,845 ล้านบาท) เลยทีเดียว
เอกสารดังกล่าวที่ชื่อว่า “ฟุตบอล ลีกส์: เดอะ เดอร์ตี้ บิสซิเนส ออฟ ฟุตบอล” เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจที่น่าสงสัยว่าผิดกฎหมายในวงการฟุตบอล โดยโฆษก “ฟีฟ่า” ยืนยันว่า ทั้งฟีฟ่า และระบบการย้ายทีม (ทรานสเฟอร์ แมตชิ่ง ซิสเต็ม หรือ “ทีเอ็มเอส”) ได้ขอข้อมูลจากการย้ายทีมจากทีเอ็มเอส ส่วนโฆษก “ปีศาจแดง” เผยว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ และย้ำว่าฟีฟ่าได้รับเอกสารรายละเอียดการย้ายทีมที่เสร็จสิ้นของป๊อกบาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตาม เดลี่ เมลอ้างว่าได้รับรายงานจากแหล่งข่าววงในว่าไรโอล่าได้รับเงินจากการย้ายทีมของป๊อกบาด้วยการแบ่งเป็นหลายงวด และได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากแดร์ สปีเกลว่า เงินก้อนดังกล่าวมีจำนวน 16.39 ล้านปอนด์ (737 ล้านบาท) แบ่งเป็น 5 งวด เนื่องจากเงินก้อนนี้เป็นเงินที่มีการตกลงกับแมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ตอนที่ป๊อกบาย้ายไปยูเวนตุส 5 ปีก่อน และมีค่าตัวขณะนั้นเพียง 1.5 ล้านปอนด์ (67 ล้านบาท)
นอกจากนี้ สายข่าวยังเผยอีกว่า ช่วงเวลาดังกล่าว ไรโอล่าน่าจะบรรลุข้อตกลงล่วงหน้ากับยูเวนตุสกรณีได้รับเงินส่วนแบ่งจากการย้ายทีมครั้งต่อไปของป๊อกบาถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้เงินสดอีกก้อนของไรโอล่าเป็นจำนวน 22.8 ล้านปอนด์ (1,026 ล้านบาท) และได้มาก่อนการย้ายทีมจะแล้วเสร็จด้วยซ้ำ เมื่อรวมกับเงินอีก 2.2 ล้านปอนด์ (99 ล้านบาท) ที่ป๊อกบาต้องจ่ายให้ไรโอล่า ก่อนแมนฯ ยูไนเต็ด จะเป็นฝ่ายจ่ายแทนให้
ทำให้ไรโอล่าได้รับเงินจากการย้ายทีมป๊อกบาถึง 41.39 ล้านปอนด์ (1,862 ล้านบาท) เป็นเหตุให้ฟีฟ่าที่ทราบเรื่องต้องทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินการย้ายทีมครั้งนี้อย่างละเอียด
