“เดลี่ เมล, เดลี่ มิร์เรอร์” หรือแม้แต่สื่อจอมสีสันอย่าง “เดอะ ซัน” ของประเทศอังกฤษ ต่างรายงานเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ไปในทิศทางเดียวกันว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนึ่งในยักษ์ใหญ่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่กำลังตกเป็นข่าวใกล้คว้าตัวอัลบาโร่ โมราต้า ศูนย์หน้าตัวสำรองจากรีล มาดริด ในราคามหาศาล 60-80 ล้านปอนด์ (2,640-3,520 ล้านบาท / อัตรา 1 ปอนด์ 44 บาท) ว่า
ทีม “ปีศาจแดง” ที่เพิ่งซื้อปอล ป๊อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส กลับมาจากยูเวนตุส ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลก 89 ล้านปอนด์ (3,916 ล้านบาท) ฤดูกาลก่อน กำลังจะทำลายสถิติดังกล่าวอีกครั้ง กับการแย่งซื้อโรเมลู ลูกากู ผู้เล่นในตำแหน่งเดียวกันกับโมราต้าจากเอฟเวอร์ตัน ซึ่งมีข่าวว่าเชลซีต้องการคว้าตัวกลับไปเช่นกันในราคา 100 ล้านปอนด์ (4,400 ล้านบาท)
โดยมีเวย์น รูนี่ย์ อดีตดาวรุ่งที่แจ้งเกิดกับทีม “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” ระหว่างปี 2002-2004 ก่อนย้ายมาเป็นนักเตะดังระดับโลกกับแมนฯ ยูไนเต็ด แต่ล่าสุดในวัยใกล้ครบ 32 ปี กลายเป็นตัวสำรองเต็มตัว เพราะไม่อยู่ในแผนการทำทีม เป็นหนึ่งในข้อเสนอซื้อตัวครั้งนี้
เนื่องจากโจเซ่ มูรินโญ่ อดีตผู้จัดการทีมเชลซี ที่ถูกโรมัน อับราโมวิช เจ้าของทีม “สิงห์บลู” ไล่ออกจากสโมสรถึง 2 ครั้ง และรับงานคุมทีมปีศาจแดงตั้งแต่ฤดูกาลก่อน ต้องการร่วมงานกับนักเตะทีมชาติเบลเยียม วัยเพียง 24 ปี แต่เป็นถึงรองดาวซัลโวลีกสูงสุดเมืองผู้ดีฤดูกาลที่ผ่านมา และทำประตูให้เอฟเวอร์ตันไปแล้วถึง 87 ลูกจากทุกรายการ ตลอด 3 ปีที่อยู่กับทีมแบบถาวร และอีกปีในสัญญายืมตัว
แม้สมัยร่วมงานกันในถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์ มูรินโญ่จะเป็นคนสั่งให้เชลซีปล่อยลูกากูให้ทีมท็อฟฟี่สีน้ำเงินยืมตัวในฤดูกาล 2013-14 และขายขาด 28 ล้านปอนด์ (1,232 ล้านบาท) ในฤดูกาลถัดมา
เดลี่ เมลเผยว่า รูนี่ย์ที่เหลือสัญญาจนถึงกลางปี 2019 เคยทำสัญญาพิเศษกับแมนฯ ยูไนเต็ดว่า หากเหลือสัญญา 2 ปีสุดท้าย เจ้าตัวสามารถย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัว หรือย้ายแบบยืมตัวแต่แมนฯ ยูไนเต็ด และทีมใหม่ที่ย้ายไปอยู่ด้วย ต้องช่วยออกเงินค่าเหนื่อยจำนวน 230,000 ปอนด์ (10.12 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์เหมือนเดิม
นอกจากนี้ ลูกากูยังมีเอเยนต์ส่วนตัวเป็นมิโน่ ไรโอล่า ซึ่งเป็นตัวแทนนักเตะคนเดียวกับป๊อกบาที่เพิ่งทำให้เกิดการซื้อขายสถิติโลกเมื่อปีก่อนอีกด้วย
