จัดเสวนาพัฒนาบอลไทย-ห่วงค่าเหนื่อยนักเตะแพงทำเกิดฟองสบู่แตก

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่อาคารปิยะชาติ ชั้น 2 คณะเวชศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มูลนิธิไทยคม ร่วมกับอัลไพน์ กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ จัดงานเสวนาทางวิชาการ เรื่อง “วิถีอาชีพกับก้าวกระโดดที่สำคัญของฟุตบอลไทย” โดยมีผู้เชี่ยวชาญในวงการฟุตบอลไทยเข้าร่วมอย่างคับคั่ง ภายในงานยังมีการแถลงข่าวโครงการ “ไทยคม ฟาวเดชั่น จูเนียร์ ฟุตบอล 2017” ซึ่งเป็นกิจกรรมการฝึกอบรมโค้ชขั้นพื้นฐานตามมาตรฐานเอเอฟซี ในหลักสูตร T-Licence หลักสูตร Introductory รุ่น 12 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต วันที่ 21-25 สิงหาคม, รุ่นที่ 13 ที่อัลไพน์ กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ วันที่ 11-15 กันยายน และหลักสูตร Goal Keeper Coaching รุ่นที่ 1 ที่อัลไพน์ กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ วันที่ 2-6 ตุลาคม

ดร.ทวีวัฒน์ ทวีผล ผู้จัดการทั่วไป อัลไพน์ กอล์ฟ รีสอร์ท เชียงใหม่ กล่าวว่า วงการฟุตบอลไทยเติบโตขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่เมื่อปี 2009-2017 ซึ่งทั้งสโมสรและนักเตะต่างได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นสูงมาก เรื่องงบการเงินของแต่ละสโมสรเป็นเรื่องสำคัญที่จะสอดคล้องกับเรื่องวิถีอาชีพ เพื่อให้ฟุตบอลอาชีพเติบโตอย่างมั่นคง ซึ่งทุกสโมสรต้องแสดงงบดุลทางการเงินในแต่ละปี และจะต้องมีหน่วยงานกลางเข้ามาตรวจสอบ เพื่อให้แต่ละสโมสรให้ความสำคัญกับเรื่องการเงินและไม่ให้เกิดภาวะฟองสบู่แตก

นายสุรพล อุทินทุ ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า 8-9 ปีที่ผ่านมา ฟุตบอลไทยโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งมีผลกระทบทั้งข้อดีและข้อเสีย เมื่อก่อนใช้งบทำทีมแค่หลักสิบล้าน แต่ปัจจุบันหลายทีมใช้หลักร้อยล้าน และน่าตกใจกับค่าเหนื่อยและค่าตัวนักเตะสูงมาก ขณะที่สปอนเซอร์มีเพียงไม่กี่ราย จึงเป็นเรื่องน่าห่วง เพราะฟุตบอลไทยโตเร็วมากเกินไป จนอาจฟองสบู่แตกแล้วใครจะเข้ามาเยียวยา ดังนั้นทุกฝ่ายต้องช่วยกันหาแนวทางวิธีบริหารจัดการให้เป็นอาชีพมากขึ้น เพื่อให้เติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน ไปสู่จุดหมายร่วมกัน

นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย กกท. กล่าวว่า ภาครัฐให้ความสำคัญกับการพัฒนากีฬาอาชีพด้วยการออก พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ.2556 ออกมาบังคับใช้เมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งตาม พ.ร.บ.จะมีการตรวจสุขภาพการเงินของสโมสรอาชีพ รวมทั้งกำหนดข้อบังคับและบทลงโทษปรับ จำคุกเอาไว้ หลังจากนี้จะทยอยออกกฎหมายลูกมาบังคับใช้ ซึ่งจะเพิ่มความเข้มข้นขึ้นและจะมีส่วนช่วยให้เกิดความยั่งยืนและมั่นคงในกีฬาอาชีพ

Advertisement

“โค้ชง้วน” นายสุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ผู้อำนวยการสโมสรบางกอกกล๊าส กล่าวว่า การพัฒนาฟุตบอลไทยสู่วิถีอาชีพนั้น โค้ชและนักเตะจะต้องมีความเป็นอาชีพด้วย สิ่งสำคัญก็คือเรื่องสัญญาและเอเยนต์ที่นักเตะอาชีพก็ต้องให้ความสำคัญด้วยเพราะเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลอาชีพด้วยเช่นกัน

นายสมฤกษ์ อิศรางกูล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการช่องฟุตบอลสยามทีวี กล่าวว่า ฟุตบอลอาชีพต้องมีความมั่นคง และมีโครงสร้างที่เข้มแข็ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ได้ว่าอีก 10 ปีข้างหน้า นักเตะจะยังคงมีสโมสรให้เล่นอยู่ ไม่ใช่ว่าบางสโมสรยังลังเลจนเลิกทำทีมไปกลางคัน ทำให้นักเตะไม่เกิดความมั่นคง ในตอนนี้ยังเร็วไปที่จะบอกว่าฟุตบอลไทยเป็นอาชีพ ซึ่งทุกฝ่ายก็ต้องมาช่วยกันสร้างให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน

Advertisement

นายมนต์ขัย ศุขโข ผู้สื่อข่าวสยามกีฬา และฟุตบอลสยามรายวัน กล่าวว่า สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) และสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) วางแนวทางให้สโมสรฟุตบอลจะต้องมีคลับไลเซนซิ่ง เพื่อพัฒนาสู่อาชีพ ดังนั้น แต่ละสโมสรของไทยก็จะต้องนำวิธีการปฏิบัติตามคลับไลเซนซิ่งมาปรับใช้ให้เกิดความถูกต้องตามมาตรฐานที่จะช่วยให้เกิดความเป็นอาชีพอย่างแท้จริง

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image