14-16 ก.ค.นี้ ทีมชาตไทย จะลงทำศึก คิงส์คัพ ซึ่งเป็นงานที่พลาดไม่ได้ นอกจากเป็น ถ้วยพระราชทาน ซึ่งมีความสำคัญสูงสุด รายการนี้ยังมีความหมายโดยตรงกับโค้ช มิโลวาน ราเยวัช
ราเยวัชคุมทีมไทยมา 2 นัด แพ้ กับ เสมอ ถึงเวลาต้องชนะได้แล้ว
เราจะประเดิมเจอ เกาหลีเหนือ ในวันศุกร์ ถ้าผ่านได้ก็เข้าชิงกับผู้ชนะคู่ เบลารุส กับ บูร์กินาฟาโซ วันอาทิตย์ ถ้าแพ้ก็ชิงที่ 3
ในฐานะ เจ้าภาพ เป้าหมายของทีมไทยมีอย่างเดียวคือ เป็นแชมป์ แต่ผมไม่อยากคาดหวังขนาดนั้น ขอแค่ 2 นัดที่เล่น เอาชนะได้สักเกมก็ยังดี
ไม่ได้ ดูถูก อะไรกันเลยนะครับ เข้าใจทีมเราต่างหาก เพราะงานนี้ทีมไทย ไม่ใช่ ชุดที่ดีที่สุด
โค้ชราเยวัช โคตะระอาภัพ คุม 4 นัดแรกไม่เคยฟูลทีมสักเกม!
ทีมชาติไทยปัจจุบัน ถ้าไม่นับประตู กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ตัวเก่งสุดมี 3 คนคือ ธีรศิลป์ แดงดา, เจ ชนาธิป, ธีราทร บุญมาทัน
มิโลวาน ราเยวัช ทำทีมมา 2 นัด รวมกับอีกสองในคิงส์คัพ ไม่เคยมีธีรศิลป์กับชนาธิปลงเล่น ธีราทรก็เพิ่งจะมาสมทบในรายการนี้
จุดที่ทำให้ทีมไทยยังดูโอเค เป็นเพราะโค้ชราเยวัชเน้นให้เล่นตามแทคติค นักเตะต้องมีวินัย เล่นตามแผนอย่างเคร่งครัด สไตล์นี้เหมาะกับการเจอทีมที่ เหนือกว่า แต่เมื่อมาพบทีมอ่อนกว่า เจอทีมระดับเดียวกัน หรือเป็นเกมที่ต้องบุก เอาชนะ สร้างความประทับใจให้คนดู มันก็อาจจะเห็นความจริงว่า เรายังไม่ครบ ไปไม่ถึงมาตรฐานที่ควรทำได้
เกมรุกไทยที่ไม่มีทั้งธีรศิลป์ และชนาธิป มันก็แทบจะเหมือนทีม ชุดบี โชคร้ายที่คนแรกดันเจ็บ คนหลังต้นสังกัดไม่ปล่อยตัว สต๊าฟโค้ชต้องมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอาเอง
น่าห่วงนะครับว่า เราจะยิงประตูกันยังไง กองหน้าตัวเป้าเหลือ 2 คนคือ อดิศักดิ์ ไกรษร กับ สิโรจน์ ฉัตรทอง กองกลางก็ไม่มีตัวจ่ายคมๆ
แต่ย้ำอีกทีว่า ยังไง มิโลวาน ราเยวัช ก็ต้องทำทีมให้ชนะ เป็นแชมป์ได้ ก็ดี ถ้าไม่ได้ขอชนะสักเกมก็เอาวะ
กุนซือชาวเซอร์เบียมีสัญญาแค่ปีเดียว ถัดจากคิงส์คัพต้องเจอกับ อิรัก และ ออสเตรเลีย ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ถ้าไม่รีบชนะตุนไว้ก่อน ก็ไม่รู้จะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่
ผมไม่อยากให้เปลี่ยนโค้ชบ่อยๆ เราแคร์กับกระแสซะด้วย เรื่องความอดทนไม่ต้องไปพูดถึง
