‘กอบกาญจน์’ชี้ต้องศึกษาละเอียดยื่นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลก-แนะดึงภาคเอกชนหนุนร่วมจับมือภาครัฐ

ตามที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ (เอฟเอที) และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศอินโดนีเซีย (พีเอสเอสไอ) ได้ประกาศความร่วมมือกันในการยื่นข้อเสนอขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ในปี 2034 ในการประชุมคณะกรรมการสหพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน (เอเอฟเอฟ) ครั้งที่ 12 ที่เมืองบาลี ประเทศอินโดนีเซียที่ผ่านมานั้น

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่การเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกเป็นการลงทุนใหญ่มาก และใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล ดังนั้น จึงจะต้องมีการคิดให้รอบครบในทุกด้าน และจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษารายข้อมูลกันอย่างละเอียด ซึ่งเราก็จะพร้อมสนับสนุนในการศึกษารายละเอียดด้วย

“ถ้าถามว่าประเทศไทยเราความอยากเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกหรือไม่ เรามีความอยาก แต่จะต้องทำการศึกษาข้อมูลรายละเอียด ซึ่งจริงๆ แล้วเราคิดกันมาหลายแผน ทั้งการเป็นเจ้าภาพจัดซีเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์ และต่างๆ แต่การจัดฟุตบอลโลกเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ และเป็นการลงทุนใหญ่มาก ดังนั้น ภาครัฐคงจะยังไม่คอมมิตเมนต์จนกว่าจะมีความชัดเจน” นางกอบกาญจน์กล่าว

รมว.ท่องเที่ยวและกีฬากล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ไม่ใช่คิดเพียงเรื่องการจัดการแข่งขันเท่านั้น แต่ต้องคิดในแง่ของการบริหารจัดการภายหลังจากจบการแข่งขันไปแล้ว ซึ่งจะต้องไม่ล้ม เนื่องจากที่ผ่านมาเราเห็นบางประเทศที่ตอนจัดการแข่งขันอะไรก็ดีไปหมด แต่พอจนถึงสุดท้ายไปดึงเศรษฐกิจของประเทศให้ตกลง ดังนั้น จะต้องมีมิติในการบริหารจัดการเป็นอย่างดี เพราะการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกจะต้องมีการสร้างสนามเพิ่ม ทำให้จะต้องดึงภาคเอกชนเข้ามาช่วยบริหารจัดการด้วย

Advertisement

“หลังจากจบทัวนาเมนต์แล้วเราจะบริหารจัดการอย่างไรให้ไม่ล่ม ซึ่งลำพังภาครัฐอย่างเดียวคงเอาไม่อยู่ เพราะไม่สามารถบริหารจัดการในระยะยาวได้ จึงต้องมีภาคเอกชนที่ส่งเสริมด้านกีฬาของไทยที่มีหลายเจ้าเข้ามาร่วม ถ้าส่วนหนึ่งเป็นภาคเอกชนไทย อีกส่วนหนึ่งเป็นภาคเอกชนต่างชาติ และร่วมกับภาครัฐจับมือกัน เชื่อว่าจะสามารถจัดการแข่งขันได้อย่างแน่นอน” นางกอบกาญจน์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image