ดีเอโก้ คอสต้า ศูนย์หน้าอารมณ์ร้อนเชลซีที่โดนไล่ออกในศึก “เอฟเอคัพ อังกฤษ” รอบ 8 ทีมที่บุกแพ้เอฟเวอร์ตัน 0-2 ที่สนามกูดิสันปาร์ก เมืองลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 12 มีนาคม จากเหตุการณ์ที่ปะทะกับแกเร็ธ แบร์รี่ มิดฟิลด์ตัวตัดเกมเจ้าถิ่นช่วง 6 นาทีสุดท้าย ก่อนใช้ศีรษะดันฝ่ายหลัง ตามด้วยการเอาปากไปซบซอกคอจนดูเหมือนจะกัด และมีสิทธิโดนแบนยาวย้อนหลังนั้น
ล่าสุด เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของทีม “สิงห์บลู” เผยว่า คอสต้ายอมรับว่ารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งกับพฤติกรรมที่ตัวเองทำกับแบร์รี่ จนนำไปสู่การได้ใบเหลืองที่ 2 หรือใบเหลือง-แดงจากไมเคิล โอลิเวอร์ ผู้ตัดสิน แต่คอสต้ายืนยันอย่างชัดเจนว่าไม่ได้ใช้ฟันกัดอีกฝ่ายแต่อย่างใด ขณะที่ก่อนหน้านี้ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวเตะบาร์เซโลน่า เคยโดนสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) แบนยาวถึง 10 นัดจากการกัดแขนบรานิสลาฟ อิวาโนวิช แนวรับเชลซีสมัยเล่นให้ลิเวอร์พูล 3 ปีก่อนมาแล้ว
จากความพ่ายแพ้ครั้งนี้ ส่งผลให้กุส ฮิดดิ้งก์ ที่กำลังคุมเชลซีชั่วคราวแทนโค้ชคนอื่นที่โดนไล่ออกไปเป็นสมัยที่ 2 ต่อจากช่วง 3 เดือนสุดท้ายฤดูกาล 2008-2009 ซึ่งครั้งนั้นพาทีมเสียท่าคู่แข่งแค่ครั้งเดียวจาก 22 นัดในทุกรายการ แต่ครั้งนี้กลับแพ้ไปแล้วถึง 3 ครั้ง แม้จะไร้พ่ายตลอด 11 นัดแรกหรือตั้งแต่เกมลีกที่เสมอวัตฟอร์ดในบ้าน 2-2 วันที่ 26 ธันวาคมปีที่ผ่านมาจากทุกถ้วยก็ตาม แถมยังเป็นการแพ้ 2 นัดติดในระยะเวลาแค่ 3 วัน จนตกทั้งรอบ 16 ทีมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และเอฟเอคัพที่เจ้าตัวเคยนำทีมเป็นแชมป์มาแล้วเมื่อเกือบ 7 ปีก่อน
ส่วนเกมนี้ ทีมสิงห์บลูโดนโรเมลู ลูกากู อดีตนักเตะของสโมสรทำคนเดียว 2 ประตูในช่วง 13 นาทีสุดท้ายให้กับ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” แต่เจ้าถิ่นต้องเหลือ 10 คนเท่าทีมเยือนในนาที 87 จากจังหวะที่แบร์รี่โดนใบเหลือง-แดง ตามคอสต้าออกไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เชลซีภายใต้การคุมทีมสมัยที่ 2 ของฮิดดิ้งก์ อาจไม่แพ้ใครถึง 15 จาก 18 นัดในทุกรายการ รวมทั้งเป็นการคว้าชัยถึง 8 นัด แต่ทีมตกรอบฟุตบอลถ้วยที่เหลืออยู่อย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และเอฟเอคัพไปหมดแล้ว ด้านเกมพรีเมียร์ลีกมี 40 คะแนนจาก 29 นัด ตามแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 4 ซึ่งเป็นโควต้าสุดท้ายในการได้สิทธิไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้า 9 คะแนนจากการแข่งเท่ากัน และเหลือการเล่นอีก 9 นัด
