“อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงทีมอันดับ 3 ฟุตบอลโลกครั้งก่อน แต่ฟอร์มตกตั้งแต่ตกรอบคัดเลือกยูโร 2016 ไม่ผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกในรอบ 12 ปีตามความคาดหมาย เพราะต้องเอาชนะสวีเดนรองจ่าฝูงรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2018 โซนยุโรป กลุ่มเอ นัดสุดท้าย เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ด้วยความห่างถึง 7 ประตู เพื่อให้มีคะแนนเท่ากัน แต่ผลต่างประตูได้เสียดีกว่า ต่อลมหายใจไปเล่นรอบเพลย์ออฟ
ทว่าสุดท้าย แม้ทีมนักเตะ “ดัตช์” เอาชนะทีมเยือน “ไวกิ้ง” ได้ก็จริง แต่ยิงได้แค่ 2-0 จากอาร์เยน ร็อบเบน คนเดียวนาที 16 และจุดโทษนาที 40 ส่งผลให้เนเธอร์แลนด์มีคะแนนเพิ่มเป็น 19 คะแนนเท่าสวีเดน แต่ผลต่างประตูได้เสียบวกเพิ่มเพียง 9 ประตู ยังน้อยกว่าอีกฝ่ายถึง 8 ประตู จบแค่อันดับ 3 ส่วนสวีเดนจบรองจ่าฝูงไปเล่นรอบเพลย์ออฟ
ขณะที่ฝรั่งเศสเปิดบ้านชนะเบลารุส 2-1 คว้าแชมป์กลุ่มเอไปเล่นรอบสุดท้ายอัตโนมัติ ผลอีกคู่ ลักเซมเบิร์ก เสมอ บัลแกเรีย 1-1 โดยร็อบเบน ปีกตัวเก่งเนเธอร์แลนด์ ประกาศอำลาทีมชาติในวัย 33 ปี อีกด้วย ซึ่งจอมเลื้อยจากบาเยิร์น มิวนิก ที่เริ่มรับใช้ชาติตั้งแต่ปี 2003 เปิดใจว่าถึงเวลาที่ตัวเองควรส่งไม้ต่อให้กับนักเตะรุ่นน้อง และไม่ใช่ช่วงเวลาที่ง่ายสำหรับตนแม้แต่น้อย ที่จะไม่ได้เล่นให้ทีมชาติเนเธอร์แลนด์อีกแล้ว
ด้านเกมกลุ่มบี โปรตุเกสที่เพิ่งคว้าแชมป์รายการระดับโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ กับแชมป์ยูโร 2016 ไม่พลาดแซงสวิตเซอร์แลนด์เข้ารอบสุดท้ายอัตโนมัติในฐานะแชมป์กลุ่ม หลังเปิดกรุงลิสบอน ชนะอีกฝ่าย 2-0 ในเกมนัดสุดท้ายของกลุ่มจากการทำเข้าประตูตัวเองของโฌฮัน ฌูรู กองหลังคู่แข่งนาที 41 และอันเดร ซิลวา นาที 57
ทำให้ทีม “ฝอยทอง” ที่ก่อนแข่งมี 24 คะแนน เป็นรองจ่าฝูง และตามสวิตเซอร์แลนด์เพียง 3 คะแนนจากการแพ้ฝ่ายหลังตั้งแต่เกมแรกที่เจอกัน 0-2 มีคะแนนเพิ่มเป็น 27 คะแนนเท่าสวิตเซอร์แลนด์ แต่มีผลต่างประตูได้เสียเหนือกว่าถึง 12 ประตู ส่งฝ่ายหลังไปเล่นรอบเพลย์ออฟ
ผลกลุ่มอื่น
กลุ่มเอช
เบลเยียม ชนะ ไซปรัส 4-0
เอสโตเนีย แพ้ บอสเนีย แอนด์ เฮอร์เซโกวินา 1-2
กรีซ ชนะ ยิบรอลตาร์ 4-0
สรุป 8 ทีมได้สิทธิเล่นรอบเพลย์ออฟโซนยุโรป
1.โครเอเชีย
2.เดนมาร์ก
3.กรีซ
4.อิตาลี
5.ไอร์แลนด์เหนือ
6.ไอร์แลนด์
7.สวีเดน
8.สวิตเซอร์แลนด์
จับสลากประกบคู่วันที่ 17 ตุลาคม เพื่อหา 4 ทีมผ่านเข้ารอบสุดท้ายต่อไป
