‘คล็อปป์’โวยผีดีแต่อุด! ‘มู’สวนกลับหงส์ก็ปอด ไม่กล้าเปิดหน้าแลกเหมือนกัน!!

เจอร์เก้น คล็อปป์ (ซ้าย) และโจเซ่ มูรินโญ่ (ภาพ AFP)

ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2017-18 นัดที่ 8 จากทั้งหมด 38 นัด เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม เกม “แดงเดือด” ตัวเลขสุดสวยครั้งที่ 199 ระหว่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เจ้าถิ่น กับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่รูปเกมกลับไม่สวยเหมือนตัวเลข เพราะเป็นทีมเยือนที่ตั้งใจมาเน้นรับชัดเจน จนอีกฝั่งทำเกมรุกไม่ถนัด และเสมอ 0-0 ที่สนามแอนฟิลด์ เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ

แม้ก่อนเกม ลิเวอร์พูลที่จู่ๆ ฟอร์มดำดิ่งตั้งแต่ถล่มอาร์เซน่อลในลีก 4-0 ก็ชนะแค่นัดเดียวจาก 7 เกมหลังสุดทุกรายการ และไม่ชนะเกมลีกถึง 4 จาก 5 นัดที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นเป็นการบุกแพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เละเป็นโจ๊ก 5-0 แต่แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมปีที่ 2 ของโจเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งผลาญเงินไปแล้วเกือบ 300 ล้านปอนด์ (13,200 ล้านบาท / อัตรา 1 ปอนด์ 44 บาท) และกำลังผลงานสุดยอดชนะ 6 นัดติดจากทุกรายการ

รวมทั้งเป็นรองจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก แต่มี 19 คะแนนเท่าทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทว่ามีผลต่างประตูได้เสียเป็นรองกว่า กลับแพ็คเกมรับเหมือนเกมแรกที่มาเยือนแอนฟิลด์ในฐานะกุนซือปีศาจแดงฤดูกาลก่อน ที่จบลงด้วยการเสมอแบบไร้สกอร์เหมือนเกมนี้

เจอร์เก้น คล็อปป์ อดีตโค้ช “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งเคยอธิบายสไตล์การทำทีมของตัวเองคล้ายดนตรีแนวดุดันเฮฟวี่เมทัล แต่พักหลังเริ่มถูกวิจารณ์ว่าดีแต่ป้อล่อไม่เป็น แก้เกมไม่เก่ง และเกมรับห่วยแตก ได้ทีแขวะใส่มูรินโญ่ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งใจมาเพื่อแบ่งแต้ม และพวกเขาก็ได้มันไป ขณะที่ลิเวอร์พูลต้องการ 3 แต้ม ทว่าทำไม่ได้ และเชื่อได้เลยว่า หากมีคนทำให้ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่อุดแหลกแบบนี้ คงไม่มีใครยอมแน่ แต่เห็นได้ชัดว่าแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ถือในเรื่องนี้

Advertisement

คล็อปป์ยังข่อนคอดอีกว่า เป็นเรื่องแปลกที่ทีมท็อปคลาสอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด จะเน้นเกมรับ และคงยากที่จะมีทีมมีโอกาสทำประตูใส่พวกเขาสัก 20 ครั้ง แต่ลิเวอร์พูลก็ทำได้ หนึ่งในนั้นเป็นจังหวะที่โจเอล มาติป กองหลังของพวกเราขึ้นมายิงไปติดเซฟดาบิด เด เคอา และอีกลูกที่น่าเป็นจุดโทษจากการที่อันเดร์ เอร์เรร่า กองกลางแมนฯ ยูไนเต็ด ทำฟาวล์ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ในกรอบเขตโทษ

อย่างไรก็ตาม มูรินโญ่ซึ่งเห็นลูกทีมยิงเข้ากรอบแค่ 2 ครั้งในการเยือนแอนฟิลด์ 2 เกมที่ผ่านมา โดยลูกแรกจากซลาตัน อิบราฮิโมวิช เมื่อ 12 เดือนก่อน และอีกลูกจากโรเมลู ลูกากู ในเกมนี้ที่ยิงไปติดมือซิมง มิโญเล่ต์ สวนคล็อปป์กลับไปว่า มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกสนุกไปกับเกมแบบไหน บางคนที่เป็นแฟนบอลชอบคิดว่าเกมที่สนุกคือการเปิดหน้าแลกใส่กัน แต่บางคนที่มองเกมฟุตบอลออกก็อาจจะสนุกกับเกมที่ไม่มีการบุกใส่กันก็ได้

นอกจากนี้ ยังโทษการวางหมากของคล็อปป์ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถเปิดเกมรุกเข้าใส่ได้ เพราะคล็อปป์ไม่ยอมปรับทีมตรงแดนกลางอย่างจอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เอ็มเร่ ชาน และจอร์จินโญ่ ไวนัลดุม เพื่อเปิดโอกาสให้แมนฯ ยูไนเต็ด มีพื้นที่ทำเกมรุกเข้าใส่ ทั้งที่ลิเวอร์พูลเล่นในบ้านต่อหน้าแฟนบอลตัวเองแท้ๆ กลับไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเกมเพื่อทำประตู

Advertisement

ประกอบกับการที่แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีทั้งมารูยาน เฟลไลนี่, ปอล ป๊อกบา, และไมเคิล คาร์ริค จึงไม่สามารถตั้งเกมแดนกลาง และให้อิสระกับ 3 แนวรุกเหมือนหลายๆ เกมที่ผ่านมาได้ ตนจึงทำได้แค่สั่งให้ลูกทีมวิ่งบี้เข้าใส่นักเตะลิเวอร์พูล แล้วค่อยลุ้นว่าพวกเขาจะกล้าเปลี่ยนเกมในครึ่งหลังหรือไม่ เนื่องจากมีทั้งนักเตะความเร็วจัดอย่างมาร์คัส แรชฟอร์ด และเจสซี่ ลินการ์ด รอเปลี่ยนลงสนามอยู่แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image