ความเคลื่อนไหวทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ในปีพ.ศ.2561 มี 2 รายการที่จะต้องเข้าร่วมแข่งขันคือ ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 9-27 มกราคม ซึ่งไทยอยู่ในกลุ่มบี ร่วมกับ ญี่ปุ่น, เกาหลีเหนือ และปาเลสไตน์ กับอีกหนึ่งรายการคือกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่กรุงจากาตาร์และเมืองปาเล็มบัง ประเทศอินโดนีเซีย ในเดือนสิงหาคม นั้น
“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพนธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปี พ.ศ.2561 ถือว่าเป็นปีที่ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี จะมีโอกาสโชว์ฝีเท้าเต็มที่ เริ่มจากฟุตบอลอายุไม่เกิน 23 ปี เอเชีย และ เอเชียนเกมส์ ซึ่งในส่วนของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย พร้อมสนับสุนในด้านการเตรียมทีมอย่างเต็มที่ เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ส่วนในเรื่องของการแข่งขัน เป็นเรื่องของสตาฟฟ์โค้ช จะจัดการ
ประมุขลูกหนังไทย กล่าวต่อไปว่า ในส่วนตัว และในฐานะสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ แล้ว แน่นอนว่า ก็หวังให้ทีมยู-23 ไทย มีผลงานที่ดีๆ อย่างเช่น เอเชียนเกมส์ ที่ไทยไม่เคยได้เหรียญ ก็อยากสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญสักครั้ง อย่างไรก็ตาม ตนมองโลกบนหลักการความจริง เพราะในระดับเอเชีย ไม่ใช่เรื่องง่าย ยังมีอุปสรรคมากมาย นอกจากสู้กับคู่ต่อสู้แล้ว ในส่วนของทีมไทยเอง ก็อยากให้ลงแข่งในแบบฟูลทีม ใช้ชุดที่ดีที่สุด ไม่มีใครถอนตัว
“หากจะไปบอกว่า บอลเอเชียต้องเข้ารอบนั้นนี้ หรือจะคว้าเหรียญเอเชียนเกมส์ เดี๋ยวก็จะหาว่าฝันเกินไป ผมก็มองในพื้นฐานความเป็นจริง ก็อยากให้ทำหน้าที่ในแต่ละรายการให้ดีที่สุด และก็อยากให้ทีมได้ใช้ผู้เล่นที่ดีที่สุด ไม่อยากให้ถอนตัวกันมาก แต่ผมก็เข้าใจสโมสร หากนักเตะมีอาการบาดเจ็บจริงๆ” บิ๊กอ๊อด กล่าว
สำหรับทีมชาติไทย ชุดชิงแชมป์เอเชีย ยู-23 หลังจากอุ่นเครื่องแพ้ พัทยา ยูไนเต็ด 0-1 สตาฟฟ์โค้ชปล่อยนักเตะพักผ่อนช่วงปีใหม่แล้ว และจะตัดตัวจาก 25 เหลือ 23 คน ประกาศรายชื่อวันที่ 1 มกราคม เพื่อเรียกรายงานตัว 2 มกราคม ก่อนเดินทางไปจีน วันที่ 3 มกราคม
โดยโปรแกรมของทีมชาติไทย ในศึกชิงแชมป์เอเชีย รุ่นยู-23 กลุ่มบี ประเดิมสนามนัดแรก วันที่ 10 มกราคม พบเกาหลีเหนือ นัดที่สอง วันที่ 13 มกราคม พบ ญี่ปุ่น และนัดสุดท้าย วันที่ 16 มกราคม พบ ปาเลสไตน์
