เปิดใจ ‘เทพมุ้ย’ ธีรศิลป์ แดงดา เดินสู่ถนน ‘เจลีก’

ยอดกองหน้าทีมชาติไทย ‘ธีรศิลป์ แดงดา’ หรือ ‘เทพมุ้ย’ ของแฟนบอล ถือเป็นนักเตะไทยรายที่ 2 ต่อจาก “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ย้ายไปค้าแข้งในลีกสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น หรือเจลีก กับสโมสรคอนซาโดเล ซัปโปโร เมื่อกลางปี 2560 โดยธีรศิลป์จรดปากกาเซ็นสัญญาข้อตกลงยืมตัวเป็นเวลา 1 ปี จากสโมสรเมืองทองยูไนเต็ดสู่ทีมใหม่ในแดนซามูไร ซานเฟรซเช่ ฮิโรชิมา อดีตแชมป์เจลีก 3 สมัย เมื่อฤดูกาล 2017 ทำผลงานได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง ด้วยการจบในอันดับที่ 15 เกือบอยู่ในโซนตกชั้น

ธีรศิลป์ แดงดา มีชื่อเล่นว่า มุ้ย เกิดวันที่ 6 มิถุนายน 2531 เติบโตในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นทหารอากาศ มีความชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ คุณพ่อจึงฝึกฝนทักษะฟุตบอลแก่ ธีรศิลป์ และ ธนีกาญจน์ แดงดา นักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ผู้เป็นน้องสาว มาตั้งแต่เด็ก

แม้ธีรศิลป์จะเปิดเผยว่า ในวัยเด็กเขาไม่เคยรู้ว่าฟุตบอลเป็นอย่างไรและฝึกซ้อมไปเพื่ออะไร แต่เมื่อเข้าสู่โรงเรียนประจำ อัสสัมชัญธนบุรี ด้วยโควต้านักกีฬา ทำให้ได้พบเจอนักเตะวัยเดียวกันที่มีความสามารถ ผนวกกับบรรยากาศของการแข่งขันสู่ความเป็นเลิศทางฟุตบอลที่เข้มข้น ธีรศิลป์จึงพัฒนาฝีเท้าของตัวเองอย่างจริงจังและตั้งความหวังว่าจะติดทีมชาติไทย

แม้ช่วงแรกจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ธีรศิลป์ไม่ล้มเลิก พยายามหาจุดบกพร่อง ยกระดับฝีเท้าจนสามารถติดทีมชาติในทุกรุ่นอายุและก้าวสู่ทีมชาติชุดใหญ่ในเวลาต่อมา

Advertisement

เส้นทางค้าแข้งของกองหน้ารายนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ธีรศิลป์ผ่านประสบการณ์ทั้งสวยงามและล้มลุกคลุกคลานกับทั้งสโมสรไทยและต่างประเทศ เริ่มจากสโมสรฟุตบอลโรงเรียนจ่าอากาศราชประชาเอฟซี และเมืองทองยูไนเต็ด ซึ่ง ณ เวลานั้นยังเป็นเพียงสโมสรในดิวิชั่น 2 ธีรศิลป์ยังเป็นนักเตะไทย 1 ใน 3 คนที่ได้รับโอกาสให้ไปทดสอบฝีเท้าในทีมชั้นนำของพรีเมียร์ลีกอย่าง “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ก่อนจะได้รับการซื้อตัวอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2550

แต่เพราะประสบปัญหาเรื่องการขอใบอนุญาตทำงานที่อังกฤษ ทำให้ไม่สามารถลงเล่นได้ และต้องย้ายไปยังสโมสรในสวิตเซอร์แลนด์ “กราสฮอปเปอร์ ซูริค” ด้วยสัญญายืมตัว ทว่ากลับไม่ได้รับโอกาสลงเล่น ธีรศิลป์ตัดสินใจเดินทางกลับไทย และถูกยกเลิกสัญญาจากแมนฯซิตี้หลังจากนั้น

ปี พ.ศ.2552 ธีรศิลป์เซ็นสัญญาแบบไร้ค่าตัว เข้าสู่ “เมืองทองยูไนเต็ด” เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดแล้วในเวลานั้น ที่นี่ถือเป็นที่สร้างชื่อให้ “มุ้ย” กลายเป็น “เทพมุ้ย” ของแฟนๆ เพราะเขาเป็นศูนย์หน้าที่มีส่วนสำคัญในการนำสโมสรคว้าแชมป์ไทยลีก 2 สมัยติดต่อกันในปี พ.ศ.2552 และ พ.ศ.2553

Advertisement

โอกาสค้าแข้งในลีกยุโรปกลับมาอีกครั้งในปี พ.ศ.2556 เมื่อธีรศิลป์ได้ไปทดสอบฝีเท้าที่สโมสรแอตเลติโกมาดริด เขากล่าวถึงช่วงเวลานั้นว่า ตัวเองพยายามปรับตัวทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ซ้อม ไม่ได้เซ็นสัญญา กระทั่งปี พ.ศ.2557 ชีวิตของธีรศิลป์ก็ได้ผูกพันกับสโมสรจากแดนกระทิงดุอย่างจริงจัง เมื่อ “อัลเมเรีย” ในลาลีก้าขอยืมตัว “เทพมุ้ย” ไปเล่น 1 ฤดูกาล พร้อมเงื่อนไขซื้อขาด หากทำผลงานได้ดี แม้ธีรศิลป์จะสามารถทำได้ 1 ประตูในเกมทางการ แต่เพราะโอกาสลงเล่นค่อนข้างน้อย ประกอบกับสภาพของอัลเมเรียเป็นทีมหนีตกชั้นและมีการเปลี่ยนโค้ช เงื่อนไขทุกอย่างจึงดูไม่เป็นใจต่อนักเตะไทยเช่นธีรศิลป์ต้องอาศัยการปรับตัว โดยเฉพาะเรื่องภาษา ทำให้เขาตัดสินใจครั้งสำคัญ ขอยกเลิกสัญญาและเดินทางกลับไทยในปี พ.ศ.2558 พร้อมคำวิจารณ์จากแฟนบอลต่างๆ นานา ธีรศิลป์เผยว่า “ถ้าไม่ได้เล่นก็ไม่อยากเสียเวลา รู้ว่าไม่ได้หาโอกาสได้ง่าย แต่ว่าฟุตบอลใครจะไปรู้ หยุดเล่นไปปีหนึ่งอาจจะไม่ได้กลับมาเหมือนเดิมอีกเลยก็ได้”

ด้วยเรื่องราวเหล่านี้ ทำให้แฟนบอลต่างจับตาการย้ายไปลีกต่างชาติอีกครั้งของธีรศิลป์ในวัย 29 ย่าง 30 ปีมากเป็นพิเศษ แม้คราวนี้จะแตกต่างออกไป เพราะเจลีกเป็นลีกเอเชีย รวมถึงความตั้งใจของบอร์ดสโมสรซานเฟรซเช่ ฮิโรชิมา ที่เดินทางมาถึงเมืองไทย แสดงความชื่นชมและเชื่อมั่นในตัวธีรศิลป์ อันเป็นนิมิตหมายที่ดีว่า การล่าฝันครั้งใหม่จะสดใสกว่าที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ธีรศิลป์มองว่า

สิ่งสำคัญที่สุดที่เขาคาดหวังคือ ความสนุก

“หวังว่าตัวเองไปแล้วจะเต็มที่ ความสามารถที่ตัวเองมีจะช่วยเหลือทีมได้ คืออยากไปแล้วให้มันสนุก ให้ตัวเองสนุก ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของทีม ตัวเองพอจะช่วยทีมได้” ธีรศิลป์กล่าว

ทั้งนี้ นอกจากชนาธิปและธีรศิลป์แล้ว ยังมีนักเตะไทยอีก 2 คนที่มีโอกาสไปวาดลวดลายบนผืนหญ้าต่างแดน นั่นคือ ธีราทร บุญมาทัน ย้ายแบบยืมตัวไปสโมสร “วิสเซล โกเบ” ในเจลีก และ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ย้ายด้วยสัญญาซื้อขาด 5 ปี สู่ทีมในลีกเบลเยียม “โอเอช ลูเว่น” พี่ใหญ่แห่งทีมชาติไทยอย่างธีรศิลป์มองว่า นี่จะเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้แก่นักเตะไทยที่มีความสามารถ อันจะยกระดับภาพรวมของฟุตบอลไทยในอนาคตได้

“เป็นเรื่องที่ดี คนที่มีความสามารถก็ออกไปเจอประสบการณ์ใหม่ๆ เหมือนได้เปิดโลกทัศน์ให้คนไป พอมีคนไป ก็จะมีพวกเยาวชนพวกเด็กต้องขึ้นมาทดแทน เพราะฉะนั้นเราก็ได้พัฒนาในภาพรวมเหมือนกัน ใครอยากไปก็ต้องทำงานหนัก ต้องพัฒนา” ธีรศิลป์กล่าว

เจลีกจะเปิดฉากฤดูกาล 2018 ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561 จึงมิใช่เพียงวาระสามัญ หากเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับผู้เล่นสายเลือดไทยจะได้พิสูจน์ศักยภาพในลีกแข็งแกร่งกว่า

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธีรศิลป์ แดงดา นักเตะผู้พร้อมเปิดรับสิ่งท้าทาย และไม่เคยหวั่นกลัวต่อความล้มเหลวตลอดเส้นทางชีวิตของเขา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image