วัดพลัง6ผู้ดี ชิงตั๋ว”ชปล.”ใบสุดท้าย!

แม้ฟุตบอลลีก (ส่วนใหญ่) ทั่วโลกจะพร้อมใจพักหายใจหายคอ เพื่อหลีกทางให้เกมทีมชาติได้มีโอกาสลับแข้ง แต่เชื่อได้เลยว่าหลายสโมสรในศึกลูกหนังเมืองผู้ดีอย่าง “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” คงนอนตาไม่หลับ ไม่ว่าจะเป็นบรรดาทีมที่กำลังมีลุ้นคว้าแชมป์ หรือหนีตกชั้น รวมทั้งที่มีความหมายไม่แพ้กันอย่างการแย่งตั๋วไปเล่นเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้า ซึ่งเป็นทั้งเวทีเกียรติยศ และเงินรายได้จำนวนมหาศาลให้ได้กอบโกยกัน

แล้วยิ่งขณะนี้ ดูเหมือนโควต้าของประเทศอังกฤษ สำหรับทีม “ท็อปโฟร์” หรือ 4 สโมสรแรกของตารางคะแนนเมื่อจบ 38 นัดของฤดูกาล จะเหลือที่ว่างให้ชิงชัยกันแค่อันดับที่ 4 ซึ่งเป็นทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ครองอยู่ด้วยการมีคะแนน 51 แต้มจากการเล่นไปแล้ว 30 นัด แต่ยังมีอีกถึง 5 ทีมที่มีลุ้นเช่นกัน ไล่ตั้งแต่ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน, “ช่างปั้นหม้อ” สโต๊ก ซิตี้ และ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล

ทว่าสุดท้ายแล้ว “ใคร” จะมีโอกาสได้เข้าป้ายมากกว่าเพื่อน “เดลี่ เมล” สื่อดังเมืองผู้ดีจึงขออาสามาวิเคราะห์ให้คอบอลทั้งหลายได้รับรู้กัน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : สถานะล่าสุด อันดับ 4 : 30 นัด : 51 คะแนน : เหลือ 8 นัด

Advertisement

3 อาทิตย์ก่อนที่พวกเขาเพิ่งคว้าแชมป์ลีกคัพ แมนฯ ซิตี้ ยังมีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่เลย แต่หลังโดนลิเวอร์พูลล้างแค้น ตามด้วยการเจ๊านอริช ซิตี้ และแพ้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในเกมลีก ส่งผลให้ทีมต้องหล่นลงมาลุ้นท็อปโฟร์แทน

– เส้นทาง

ทีมของ มานูเอล เปเญกรินี่ ยังมีเกมรอบ 8 ทีมในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกกับปารีส แซงต์แชร์แมงเป็น “ปัจจัย” ตัวเป้ง และต้องไปเยือนเชลซี, เซาแธมป์ตัน ก่อนรับมือสโต๊ก ซิตี้กับอาร์เซน่อล ซึ่ง 3 ทีมหลังยังเป็นทีมลุ้นอันดับ 4 เหมือนกันอีกด้วย

Advertisement

– ได้-ไม่ได้ตั๋ว

นอกจากทุกคนที่เกี่ยวข้องกับทีมเรือใบสีฟ้าจะต้องผิดหวังอย่างถึงที่สุด

หากพวกเขาต้องพลาดไปเตะแชมเปี้ยนส์ลีกจริงๆ “ว่าที่” นายใหญ่คนใหม่อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คงทำหน้าไม่ถูกถ้ายอดกุนซืออย่างเขาจะต้องลดตัวไปลุยยูโรป้าลีก ทั้งที่ทีมถลุงเงินซื้อนักเตะในฤดูกาลที่ผ่านมามากเกือบ 150 ล้านปอนด์ (7,500 ล้านบาท / อัตรา 1 ปอนด์ 50 บาท) แถมยังมีสิทธิโดนแข้งดังที่ต้องการเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก โบกมือบ๊ายบายอีกด้วย

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด : สถานะล่าสุด อันดับ 5 : 30 นัด : 50 คะแนน : เหลือ 8 นัด

หากไม่เสียจุดโทษแบบโชคร้ายจนโดนเชลซีตีเสมอในเกมล่าสุด ป่านนี้ เวสต์แฮม คงกลายเป็นทีมที่รั้งอันดับ 4 ของลีกแทนแมนฯ ซิตี้ ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม สมาธิของพวกเขาคงไม่แตกซ่านง่ายๆ เนื่องจาก สลาเวน บิลิช เป็นกุนซือที่มีจิตวิทยาสูง แถมยังคุมลูกทีมให้อยู่ในความประพฤติได้ดี และกำลังจะพาทีมไปเล่นศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในสนามโอลิมปิก สเตเดียม รังเหย้าแห่งใหม่ของพวกเขาในฤดูกาลหน้า

– เส้นทาง

ก่อนจะเจอทีมที่ลุ้นท็อปโฟร์ด้วยกันอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด และสโต๊กใน 2 เกมสุดท้าย ชะตากรรมของทีมขุนค้อนอาจถูกตัดสินไปตั้งแต่ 2 เกมลีกในเดือนหน้าที่ต้องรับมืออาร์เซน่อล และไปเยือนเลสเตอร์ติดๆ กัน

– ได้-ไม่ได้ตั๋ว

แม้ตอนนี้ บิลิชจะคุมลูกทีมได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าพลาดตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อไหร่ ทีมแตกไปคนละทิศคนละทางแน่ หรือต่อให้ได้อันดับ 4 ก็ยังไม่แน่ว่าดาวเด่นทั้ง ดิมิทรี ปาเย็ต กับ มานูเอล ลันซินี่ จะอยู่กับทีมต่อไป

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : สถานะล่าสุด อันดับ 6 : 30 นัด : 50 คะแนน : เหลือ 8 นัด

ทันทีที่บุกชนะแมนฯ ซิตี้ ในศึกดาร์บี้แมตช์ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็กลายร่างจากทีมที่ทำใจว่าต้องไปเล่นยูโรป้าลีกแน่ๆ กลับเป็นทีมที่พร้อมแย่งอันดับ 4 ได้ทุกเมื่อ เช่นเดียวกับ หลุยส์ ฟาน กัล ซึ่งหุบปากนักวิจารณ์ได้อย่างอยู่หมัด โดยเฉพาะบรรดาอดีตขาใหญ่จากถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดที่นำโดยพอล สโคลส์

– เส้นทาง

เอฟเวอร์ตัน, สเปอร์ส, เลสเตอร์ และเวสต์แฮม คือ 4 ทีมที่จะมีบทสรุปในฤดูกาลนี้ให้ “ปีศาจแดง” ส่วนเกมที่เหลือกับแอสตัน วิลล่า, คริสตัล พาเลซ, นอริช ซิตี้ และบอร์นมัธ ล้วนเป็นเกมแจก 3 คะแนนเห็นๆ แม้2 ทีมหลังสุดจะเคยน็อกพวกเขามาแล้วก็ตาม แต่ถ้าเด็กฟาน กัลยังเล่นได้เด็ดดวงเหมือนวันจมเรือ ก็คงไม่มีอะไรต้องกลัวเช่นกัน

– ได้-ไม่ได้ตั๋ว

หากได้ไปแชมเปี้ยนส์ลีก โจเซ่ มูรินโญ่ (ว่าที่) กุนซือคนใหม่ของทีมคงกล่อมบรรดาซุปเปอร์สตาร์ตามมาได้มากโข แต่ถ้าไม่ คงไม่ต้องแบกหน้าไปคุยกับ เนย์มาร์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือ แกเร็ธ เบล ให้เสียเวลา

เซาแธมป์ตัน : สถานะล่าสุด อันดับ 7 : 31 นัด : 47 คะแนน : เหลือ 7 นัด

โรนัลด์ คูมัน พา เซาแธมป์ตัน “กลับมาได้” อีกครั้ง หลังเคยนำทีมตีตั๋วไปเล่นยูโรป้าลีกฤดูกาลที่แล้ว ตามด้วยฟอร์ม “ขึ้นๆ ลงๆ” ในซีซั่นนี้ และดูเหมือนจะตื่นขึ้นมาลุ้นท็อปโฟร์ได้ทันเวลา

– เส้นทาง

ถ้าไม่นับการเจอ 4 “ตอ” กับการไปเยือนเลสเตอร์, เอฟเวอร์ตัน และสเปอร์ส แถมรับมือแมนฯ ซิตี้ สิ่งที่กองเชียร์นักบุญยังสามารถมองโลกในแง่ดีได้ คือการที่พวกเขามีคะแนนน้อยกว่าอันดับ 4 ในตอนนี้แค่ 4 คะแนน แล้วยังเหลือเกมให้ลุ้นอีกถึง 7 นัด (แต่ 8 นัดสำหรับทีมที่ 4, 5 และ 6) และยังมีอันดับเหนือกว่าสโต๊กซึ่งแข่งเท่ากัน รวมทั้งลิเวอร์พูลที่ทีมเพิ่งตัดไม้ข่มนามด้วยการแซงคว้าชัยทั้งที่ตกเป็นฝ่ายตามหลังถึง 2 ลูก แม้ฝ่ายหลังยังมีเกมตุนอยู่ในมืออีก 2 นัดก็ตาม

– ได้-ไม่ได้ตั๋ว

คูมันคงได้ต่อสัญญาที่เหลืออยู่ปีเดียวออกไปอีกนานแสนนาน หากได้ไปเล่นถ้วยใบใหญ่สุดของทวีป แต่ถ้าไม่ ก็คงไม่ต่างจากเวสต์แฮมที่สตาร์ดังอย่าง ซาดิโอ มาเน่ และ วิคเตอร์ วานยาม่า คงไม่รอดเงื้อมมือแมนฯ ยูไนเต็ด และสเปอร์ส

สโต๊ก ซิตี้ : สถานะล่าสุด อันดับ 8 : 31 นัด : 46 คะแนน : เหลือ 7 นัด

มันจะกลายเป็นเกียรติประวัติของวงศ์ตระกูล มาร์ก ฮิวจ์ส ในทันที ถ้าพา สโต๊ก ไปเล่นศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้าได้ เพราะแม้แต่ช่วงเวลาที่กุมบังเหียนทีมใหญ่อย่างแมนฯ ซิตี้ ในยุคเริ่มรวยจากการเทกโอเวอร์ของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศไทย และการเข้ามารับไม้ต่อของกลุ่มอาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป หรือพวกมหาเศรษฐีตะวันออกกลางจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็ยังไม่มีปัญญาทำได้

– เส้นทาง

อย่าเพิ่งคิดเตลิดไปไหนต่อไหน โปรดอย่าลืมว่าพวกเขาต้องเจอ 3 เกมอันหนักหน่วงติดต่อกันในเดือนเมษายนกับลิเวอร์พูล, สเปอร์ส และแมนฯ ซิตี้ แล้วรับมือเวสต์แฮมในเกมสุดท้ายอีก ซึ่งอาจเปรียบได้กับการดวลจุดโทษเพื่อลุ้นอันดับ 4 เลยทีเดียว

– ได้-ไม่ได้ตั๋ว

ถ้าทำได้ ลองนึกถึงภาพ ลิโอเนล เมสซี่ และพ้องเพื่อนบาร์เซโลน่าต้องต้านลมฝนที่โหมกระหน่ำในบริทาเนีย สเตเดียม กับค่ำคืนของเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกได้เลย แต่ถ้าไม่มันก็แค่เป็นช่วงเวลาโบนัสที่มอบให้แฟนช่างปั้นหม้อมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง

ลิเวอร์พูล : สถานะล่าสุด อันดับ 9 : 29 นัด : 44 คะแนน : เหลือ 9 นัด

ลิเวอร์พูล คงมีลุ้นขึ้นไปจ่อคอหอยแมนฯ ซิตี้ ไปแล้ว ถ้าไม่ปล่อยให้การบุกนำเซาแธมป์ตันถึง 2-0 ต้องกลายเป็น 0 คะแนนอย่างที่เห็น และอาจเป็นการปิดประตูลุ้นท็อปโฟร์ไปในตัว แม้จะมีเกมเหลืออยู่ในมือมากกว่าทีมเรือใบสีฟ้า 1 นัดก็ตาม เนื่องจากต้องชนะทั้ง 9 เกมที่เหลือ แล้วลุ้นให้ทีมที่นำพวกเขา และแข่งมากกว่า 1 นัดอย่างแมนฯ ซิตี้, เวสต์แฮม และแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งล้วนแต่มีลูกได้เสียดีกว่าบานเบอะต้องไม่ชนะ 2 เกมเป็นอย่างน้อย โดยเฉพาะทีมเรือใบต้องแพ้ถึง 2 นัด หรือเสมอกับแพ้อย่างละนัด

– เส้นทาง

หากข้อแม้ข้างบนว่า “ยาก” แล้ว ทุกคำต่อไปนี้ยิ่ง “หิน” กว่า หลังทีมหงส์แดงมีโปรแกรมยูโรป้าลีกรอบก่อนรองชนะเลิศกับทีมแกร่งอย่างดอร์ทมุนด์ แถมอีก 9 นัดในลีกยังต้องเจออาวุธหนักทั้งสเปอร์ส, เอฟเวอร์ตันและเชลซีอีก

– ได้-ไม่ได้ตั๋ว

อย่างไรก็ตาม หากลิเวอร์พูลได้เล่นแชมเปี้ยนส์ลีก รับประกันเลยว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ จะต้องไปได้สวยในรายการนี้ เพราะอย่างน้อยก็คงดึงดาวดังเข้ามาได้ไม่ยาก แต่ถ้าไม่ อดีตนายใหญ่ดอร์ทมุนด์คงต้องใช้กำลังภายในเพื่อร่ายมนต์คว้านักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แทน

แน่นอนว่า อีกไม่ถึง 2 เดือน เราคงได้รู้กัน!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image