ทีมข่าวกีฬามติชน รายงานความเคลื่อนไหวการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เมื่อวันที่ 22 มกราคม ซึ่งได้มีการกำหนดให้มีการเลือกตั้งเสียงจากลีกภูมิภาค 30 เสียง จากจำนวนทีมทั้งสิ้น 83 ทีม เพื่อเป็นตัวแทนในการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์
ในช่วงเช้า นายพูรูทชอตตัม แคตเทิล ฝ่ายประสานงานนานาชาติ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ตัวแทนจาก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้เข้าประชุมร่วมกับ “เสธ.โต” พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมย์ ประธานคณะกรรมการกลาง สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อเข้ามาดูแลความเรียบร้อยของการจัดการเลือกตั้ง
จากนั้นในช่วง 13.00 น. ได้มีการเปิดให้ 83 สโมสรได้ลงทะเบียนโดยแบ่งเป็น 6 โซน ได้แก่ โซนกรุงเทพฯและภาคกลาง, โซนภาคตะวันตก, โซนภาคตะวันออก, โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, โซนภาคใต้ และโซนภาคเหนือ
ขณะเดียวกัน “บิ๊กหอย” นายธวัชชัย สัจจกุล หนึ่งในผู้สมัครลงเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอล ได้เดินทางมาสังเกตการณ์การเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย
13.30 น. นางอนงค์ ล่อใจ อดีตประธานสโมสรสุราษฯ เอฟซี เดินทางมาถึงจุดลงทะเบียน พร้อมกับนายรังสรรค์ มธุระเวธาวี กรรมการบริษัท สโมสรฟุตบอลสุราษฎร์ธานี เอฟซี 2016 และเลขานุการทีมสุราษฎร์ธานี เอฟซี จนทำให้เกิดปัญหาสิทธิทับซ้อน โดยทั้งสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิของตนเอง ซึ่งหนังสือแต่งตั้งตัวแทนของคณะกรรมการกลางฯ อยู่ที่ฝั่งนายรังสรรค์ จนทำให้นางอนงค์ ไม่พอใจ และเรียกร้องสิทธิของตนเอง ขณะเดียวกันคณะกรรมการกลาง ที่มีเสธ.โตเป็นประธาน ได้มีการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ของฟีฟ่า ราว 30 นาที แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป
จากนั้นในช่วงเวลา 14.45 น. ได้มีการปิดการลงทะเบียน โดยมี 2 สโมสรที่มาไม่ทันเวลาคือ กำแพงเพชร กับ น่าน แต่ทางคณะกรรมการเห็นว่าอยู่ในพื้นที่ของกกท. แล้วจึงอนุญาติให้ใช้สิทธิได้ นอกจากนี้ยังมีสโมสรที่มีปัญหาทับสิทธิกันเหลืออยู่ 4 ทีมได้แก่พิษณุโลก เอฟซี, มุกดาหาร ลำโขง, เชียงราย ซิตี้ และ สุราษฎร์ธานี เอฟซี โดยหลังจากที่คณะกรรมการกลางฯ ได้พูดคุยกับทั้งสองฝ่ายที่มาใช้สิทธิ พิษณุโลก เอฟซี ตัดสินใจไม่ใช้สิทธิทั้งคู่ ขณะที่มุกดาหาร ลำโขง, เชียงราย ซิตี้ ตกลงกันไม่ได้ จึงตัดสิทธิทั้งสองฝ่ายเช่นกัน
จากนั้นช่วงเวลา 16.00 น. หลังจากคณะกรรมการกลางฯ ได้ให้ตัวแทนจากสุราษฎร์ธานีทั้งสองฝ่าย พิจารณาร่วมกัน ได้มีข้อสรุปว่าทางสมาคมกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีหนังสือมอบหมายอำนาจ ที่มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องให้นายสุชาติ ประดิษฐพร ประธานสโมสรสุราษฎร์ธานี เอฟซี 2016 เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แม้ว่านางอนงค์จะเป็นฝ่ายทำทีมในฤดูกาล 2015 แต่ไม่มีหนังสือรับรองจากสมาคมกีฬาจังหวัด
หลังจากที่มีการประกาศจากคณะกรรมการกลางให้สิทธินายสุชาติ ในการเลือก 30 เสียง นางอนงค์ ได้เข้ามาให้เขตเลือกตั้งและต่อว่าคณะกรรมการกลางที่ไม่สิทธิในการเลือกตั้ง และถูกปฏิบัติไม่ยุติธรรม ก่อนที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะเข้ามานำตัวออกไป
