จากสถิติตัวเลขเด็กและเยาวชนของไทยเสียชีวิตจากการจมน้ำปีละกว่า 700 คน ทำให้ “รมว.เอ” วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ริเริ่มแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจังเพื่อเป็นการลดสถิติดังกล่าวให้น้อยลง…
จึงได้มอบหมายให้ ปัญญา หาญลำยวง อธิบดีกรมพลศึกษา จัดโครงการจัดอบรม “ลอยน้ำเป็น เล่นน้ำได้” ให้ครอบคลุมทั่วภูมิภาคของประเทศไทยเพื่อวัตถุประสงค์สร้างบุคลากรในภาคท้องถิ่นทั่วประเทศไปแนะนำวิธีการพยุงตัวเบื้องต้นบนผิวน้ำให้กับเด็กและเยาวชนในแต่ละโรงเรียน รวมไปถึงวิธีการช่วยเหลือเบื้องต้นเมื่อพบเจอเหตุผู้ที่กำลังจมน้ำ หรือแม้แต่วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่จมน้ำก่อนที่แพทย์จะเดินทางมาถึง
โครงการดังกล่าวได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก สมาคมเพื่อช่วยชีวิตทางน้ำ และ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงเป็นการทำงานร่วมกันของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับกระทรวงศึกษาธิการ
รูปแบบการจัดอบรมมีทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ กำหนดไว้ 4 ครั้งที่จบไปแล้ว ประกอบด้วย ภาคเหนือ 17 จังหวัด ระหว่างวันที่ 17-19 เมษายน ที่ จ.สุโขทัย / ภาคใต้ 14 จังหวัด ระหว่างวันที่ 24-27 เมษายน ที่ จ.กระบี่ / ภาคกลาง 26 จังหวัด ระหว่างวันที่ 2-4 พฤษภาคม ที่ จ.สุพรรณบุรี / ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ที่ จ.ศรีสะเกษ
“หนุ่ม” ทวีโชค พงษ์ดี ผู้อำนวยการกลุ่มกีฬามวลชน กรมพลศึกษา เล่าว่า ตั้งงบประมาณกับการทำโครงการนี้ปีแรกไว้ที่ 1.5 ล้านบาท เป็นการเปิดอบรมให้แบบฟรีๆ กับกลุ่มครู, อาสาสมัครทั่วไป, อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.), มูลนิธิกู้ภัยต่างๆ เพื่อนำความรู้กลับไปสอนเด็ก และเยาวชนในท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งตอนแรกค่อนข้างกังวลใจว่าจะไม่มีผู้มาเข้ารับการอบรม แต่เอาเข้าจริงๆ กระแสตอบรับดีมาก ครั้งแรกที่ภาคเหนือ มีผู้มาร่วม 60 คน, ครั้งที่สอง ที่ภาคใต้ มีผู้มาร่วม 60 คน, ครั้งที่สาม ที่ภาคกลาง มีผู้มาร่วม 92 คน และครั้งที่สี่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีผู้มาร่วม 74 คน
“การอบรมโครงการนี้ในปีแรกแต่ละแห่งจะใช้เวลา 3 วัน มีการทำเวิร์กช็อป การแลกเปลี่ยนความเห็น วิธีการขั้นพื้นฐานสอนให้คนพยุงตัวบนผิวน้ำได้ 5-10 นาทีเพื่อรอให้คนมาช่วย หรือแม้แต่การโยนเชือกลงไปในน้ำเพื่อช่วยชีวิตผู้ที่กำลังจมน้ำ และยังรวมไปถึงการปั๊มหัวใจ (CPR) การผายปอดเบื้องต้นหากเกิดกรณีพบเจอผู้ที่จมน้ำแต่ยังไม่เสียชีวิต ทุกคนที่มาอบรมมีความหวังดีท้องถิ่น ต่อเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ เพราะสถิติที่เก็บกันไว้นั้น เด็กๆ จะเสียชีวิตจากการจมน้ำมาโดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมเพราะหนีไปเที่ยวเล่นโดดน้ำตามประสาเด็กๆ ซึ่งหากเราเข้าไปทำให้เด็กเหล่านี้มีทักษะพื้นฐานในการพยุงตัว หรือลอยตัวบนน้ำได้ ตัวเลขการเสียชีวิตของเด็กๆ จะลดลง” ผู้รับผิดชอบโครงการเล่าให้ฟัง
ทวีโชค พงษ์ดี เล่าต่อว่า เมื่อจบการอบรม 4 ครั้ง ได้รายงานให้อธิบดีกรมพลศึกษารับทราบ และรายงานต่อไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รับทราบแล้ว โดยกระแสดีมาก มีการเรียกร้องให้จัดอบรมเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ซึ่งจะมีการจัดในเดือนสิงหาคม เริ่มจากวันที่ 7-9 สิงหาคม ที่ จ.ยะลา และระหว่างวันที่ 11-13 สิงหาคม ที่ จ.อุดรธานี ซึ่งเท่าที่รับทราบมานั้น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับคำชื่นชมจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างมากที่ริเริ่มโครงการดังกล่าว ดังนั้น จึงเห็นว่าควรจะทำโครงการดีๆ อย่างนี้ต่อเนื่องไปอีกในปีหน้าเพราะเชื่อว่าจะเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม
“ผมพอใจมากๆ กับการจัดอบรมในปีแรก เราจัดให้แบบฟรีๆ ทั้งที่พัก ทั้งอาหาร ผู้เข้ารับการอบรมมาแต่ตัว ขอเพียงให้ทุกคนนำความรู้กลับไปสอนเด็กๆ และผมก็ได้รับการบอกกล่าวแล้วว่า ตอนนี้คุณครูกว่า 200 คนที่มาอบรมกับเรากำลังสอนเด็กๆ และเยาวชนในท้องถิ่นของตัวเองกันอย่างตั้งใจ เรื่องงบประมาณที่เราลงทุนไปนั้นไม่ต้องไปคำนึงถึงเพราะหากเราสามารถช่วยชีวิตเด็กได้คนเดียวจากการจมน้ำก็คุ้มค่ามหาศาลแล้ว เพราะชีวิตเด็กคนหนึ่งมันมีค่ามากกว่างบประมาณที่รัฐบาลลงทุนไปจัดอบรมเสียอีก” ผู้รับผิดชอบโครงการกล่าวปิดท้าย
โครงการ “ลอยน้ำเป็น เล่นน้ำได้” จึงเป็นโครงการที่ตอบสนองเป้าหมายกีฬาเพื่อมวลชน (สปอร์ต ฟอร์ ออล) ได้เป็นอย่างดี….
