ข้อมูลสำคัญกับการนับถอยหลัง ‘ฟุตบอลโลก 2018’

ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย จะแข่งขันระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน-15 กรกฎาคม ท่ามกลางความสนใจจากแฟนบอลทั่วโลก ที่คาดว่าจะมีกว่า 3,200 ล้านคนทั่วโลกที่ติดตามการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลกแล้ว และเป็นจำนวนเกินครึ่งของประชากรโลกทั้งหมดเลยทีเดียว

สำหรับ 8 กลุ่มในเวิลด์คัพ 2018 ได้แก่ กลุ่มเอ “เจ้าภาพ” รัสเซีย, ซาอุดีอาระเบีย, อุรุกวัย, อียิปต์ / กลุ่มบี โปรตุเกส, สเปน, โมร็อกโก, อิหร่าน / กลุ่มซี ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย, เปรู, เดนมาร์ก / กลุ่มดี อาร์เจนตินา, ไอซ์แลนด์, โครเอเชีย, ไนจีเรีย / กลุ่มอี บราซิล, สวิตเซอร์แลนด์, เซอร์เบีย, คอสตาริกา / กลุ่มเอฟ เยอรมนี, เม็กซิโก, เกาหลีใต้, สวีเดน / กลุ่มจี เบลเยียม, ปานามา, ตูนิเซีย, อังกฤษ / กลุ่มเอช โปแลนด์, เซเนกัล, แคเมอรูน, ญี่ปุ่น

หลายคนคงมองหาชื่อของอิตาลี, เนเธอร์แลนด์, ชิลี ซึ่งเป็นทีมดังที่เต็มไปด้วยนักเตะเวิลด์คลาส ครั้งนี้ไม่ได้มาร่วมแข่งขันหลังจากทำผลงานได้ย่ำแย่ในรอบคัดเลือก รวมทั้ง สหรัฐอเมริกา ที่พลาดตั๋วฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งแรก ในรอบ 28 ปี แต่จะมีทีมหน้าใหม่อย่างปานามาและไอซ์แลนด์ที่จะได้โอกาสโชว์ศักยภาพในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ด้านแชมป์เก่าที่กลับมาล่าแชมป์อีกสมัย มีทั้งบราซิล แชมป์ 5 สมัย เยอรมนี แชมป์ 4 สมัย อาร์เจนตินา, อุรุกวัย แชมป์เก่า 2 สมัย รวมทั้งอังกฤษ, ฝรั่งเศส, สเปน ซึ่งเยอรมนีจะได้ลุ้นแชมป์ 2 สมัยติดต่อกันเป็นทีมแรกในรอบ 52 ปี หลังจากที่บราซิลเคยคว้าแชมป์ 2 สมัยซ้อน ในฟุตบอลโลก 1958, 1962

Advertisement

ในส่วนของสนามแข่งขันมีความพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา คือ เป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลโลกเตะในสองทวีป คือ ทวีปเอเชียและยุโรป เนื่องจากเมืองเยกาเตรินเบิร์ก หนึ่งในเมืองที่มีสนามแข่งขันเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างสองทวีป ขณะที่เจ้าภาพจัดสนามไว้อีก 9 เมือง ได้แก่ กรุงมอสโก, เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก,โซชิ, รอสตอฟ, คาลล์นินกราด, ซามาร่า, คาซาน, นิซห์นี่ นอฟโกรอด, วอลโกกราด ทุกสนามมีเอกลักษณ์ที่แสดงความเป็นรัสเซีย และมีความปลอดภัยสูงในการรองรับแฟนบอลทั้ง 64 แมตช์ ตลอดช่วงเวลา 1 เดือนของการแข่งขัน

สนามกีฬาแห่งชาติลุซนิกิ ในกรุงมอสโกจะใช้ในนัดเปิดสนามระหว่างทีมชาติรัสเซีย กับ ซาอุดีอาระเบีย ในวันที่ 14 มิถุนายน และใช้เป็นสังเวียนในรอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 15 กรกฎาคม โดยมีความจุอยู่ที่ 81,006 ที่นั่ง เคยใช้ในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ฤดูร้อน ปี 1980, ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2008 รอบชิงชนะเลิศ, กรีฑาชิงแชมป์โลก ปี 2013 รวมทั้งเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตของ ไมเคิล แจ๊กสัน, โรลลิ่งสโตน มาแล้ว

Advertisement

สัตว์นำโชคของเวิลด์คัพ 2018 เป็นหมาป่าชื่อ “ซาบิวาก้า” ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีบทบาทในประวัติศาสตร์ของรัสเซียมายาวนานพอๆ กับหมีขาว และเนื่องจากหมีขาวได้มีบทบาทสำคัญในการเป็นแมสคอตกีฬาหลายมหกรรมแล้ว ทั้งโอลิมปิกเกมส์ ฤดูร้อน 1980, โอลิมปิกเกมส์ ฤดูหนาว 2014 จึงเอาความสนุกสนาน มีเสน่ห์และมั่นใจในตัวเอง ของหมาป่าซาบิวาก้ามาให้ชาวโลกได้ชื่นชมกันบ้าง

งบประมาณในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.7 แสนล้านบาท มากกว่าที่บราซิลทุ่มงบเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 4 ที่แล้ว ประมาณ 2,000-3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็เกินงบที่รัฐบาลวางไว้ไปกว่าครึ่ง และยังไม่รู้ว่ากว่าจะจบการแข่งขัน งบจะบานไปอีกเท่าไร

บัตรเข้าชมการแข่งขันตอนนี้ขายแทบจะเกลี้ยงแล้ว ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 105 ดอลลาร์สหรัฐ (3,255 บาท) ซึ่งเป็นตั๋วในรอบแบ่งกลุ่ม และแพงที่สุดในรอบชิงชนะเลิศ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐ (34,100 บาท) โดยบัตรเข้าชมนั้นจะแบ่งออกเป็น 4 โซน โซน 1 จะอยู่ชิดขอบสนาม เป็นราคาที่สูงที่สุด โซน 2-3 เป็นโซนที่ไม่ใกล้ชิดมาก ราคาจะลดหลั่นลงมาจากโซน 1 ที่ 50-70 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนโซน 4 เป็นที่นั่งหลังประตูทั้งสองฝั่ง และที่นั่งอยู่สูงสุด จำกัดไว้เฉพาะคนรัสเซียเท่านั้นที่จะซื้อได้ อย่างไรก็ตาม ความต้องการที่มากมายของแฟนบอลจะทำให้ราคาตั๋วพุ่งขึ้นไปอย่างมหาศาลเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะในรอบชิงชนะเลิศ

ฟุตบอลโลกหนนี้มีนักเตะที่น่าจับตามองมากมาย แต่อย่างแรกที่หลายคนจับจ้อง คือ การแย่งความเป็นเบอร์หนึ่งของโลกอย่างแท้จริงอีกครั้งของ ลิโอเนล เมสซี่ ของอาร์เจนตินา กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ของโปรตุเกส ซึ่ง 10 ปีหลังทั้งคู่ถูกจับให้เป็นสองนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกมาตลอด และครั้งนี้น่าจะเป็นฟุตบอลโลกหนสุดท้ายที่ทั้งคู่จะได้ลงเล่นพร้อมๆ กัน เนื่องจากอายุอานามก็เข้าสู่โค้งท้ายๆ ของความพีกในการเล่นฟุตบอลอาชีพแล้ว

ขณะที่นักเตะที่ถูกคาดหมายว่าจะก้าวมาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของโลกในอนาคต 2 คน คือ เนย์มาร์ สตาร์ทีมชาติบราซิล และโมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ กองหน้าทีมชาติอียิปต์ กลับได้รับบาดเจ็บก่อนฟุตบอลโลกจะเปิดฉากไม่นาน ทำให้ต้องลุ้นกันว่าทั้งคู่จะฟิตทันลงแข่งขันหรือไม่ ในรายของเนย์มาร์นั้นเจ็บยาวมาระยะหนึ่งแล้ว และกลับมาร่วมซ้อมกับทีมแซมบ้าได้แล้ว แต่ซาล่าห์ที่เจ็บจากเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

รอบชิงชนะเลิศ ที่ลิเวอร์พูล แพ้ รีล มาดริด 1-3 ถึงเจ้าตัวยืนยันว่าจะลงเล่น แต่ด้วยสภาพไหล่ที่เจ็บ เป็นโจทย์ให้หลายคนคิดว่า เขาจะเฉียบขาดได้เหมือนตอนฟิตเต็มถังหรือไม่

อีกอย่างที่เป็นครั้งแรกในฟุตบอลโลกครั้งนี้ คือ การใช้เทคโนโลยี Video Assistant Referee หรือเทคโนโลยีวีเออาร์ที่ช่วยให้ผู้ตัดสินดูภาพวิดีโอในจังหวะที่มีปัญหาระหว่างเกมได้ ทำให้จังหวะปัญหาน่าจะมีน้อยลง

สิ่งที่แฟนบอลทั่วโลกอยากรู้มากที่สุด คือใครจะเป็นแชมป์โลก?

ตัวเต็งถูกยกให้ “แชมป์เก่า” เยอรมนี ซึ่งเป็นแชมป์ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชั่นส์คัพ เมื่อปีที่แล้ว ฟอร์มยังดุดันต่อเนื่อง รวมไปถึงบราซิล ที่ไม่ว่าครั้งไหนก็ย่อมเป็นตัวเต็ง ฝรั่งเศส, สเปน, อาร์เจนตินา ก็อยู่ในข่ายเช่นกัน

แฟนบอลชาวไทยสามารถรับชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 แบบสดๆ และฟรีผ่านทางช่องอมรินทร์ทีวี, ททบ.5 และทรูโฟร์ยู ซึ่งจะถ่ายทอดสดในระบบความคมชัดสูง ทั้ง 64 แมตช์

นับถอยหลังอีกไม่กี่วัน ความสนุกที่มาพร้อมกับการอดหลับอดนอนจะเริ่มขึ้นแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image