เซเมนย่าพึ่งศาลสิทธิมนุษยชน ลุ้นเฮือกสุดท้ายร่วมศึกโอลิมปิกโดยไม่ต้องใช้ยาคุมฮอร์โมน
คาสเตอร์ เซเมนย่า อดีตแชมป์โลกและอดีตเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ในประเภทวิ่ง 800 เมตร หญิง ชาวแอฟริกาใต้ เตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป เพื่อต่อสู้ทวงคืนสิทธิการเข้าร่วมแข่งขันกรีฑานานาชาติโดยไม่ต้องโดนบังคับให้ใช้ยาวควบคุมฮอร์โมนเทสโตสเตอโรน
ทั้งนี้ เซเมนย่าเป็นหนึ่งในนักกีฬาหญิงที่มีระดับฮอร์โมนเทสโตสเตอโรน หรือฮอร์โมนเพศชาย สูงกว่าผู้หญิงทั่วๆ ไป ทำให้สหพันธ์กรีฑานานาชาติออกกฎเมื่อปี 2019 ระบุว่า นักกีฬาหญิงคนใดที่จะร่วมแข่งขันกรีฑาระยะ 400 เมตร ถึง 1 ไมล์ จะต้องใช้ยาลดระดับฮอร์โมนเทสโตสเตอโรนก่อน จึงจะร่วมแข่งขันได้ เพื่อไม่ให้ได้เปรียบเหนือคู่แข่ง
อย่างไรก็ตาม เซเมนย่าพยายามต่อสู้ทางกฎหมายว่า ความผิดปกติของร่างกายดังกล่าวเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ไม่ใช่ตนจงใจใช้สารต้องห้าม จึงควรเป็นสิทธิอันชอบธรรมในการร่วมแข่งขันในสภาวะปกติของตัวเอง ไม่ใช่ใช้ยากดฮอร์โมนเอาไว้
เซเมนย่าพยายามยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาโลก (ซีเอเอส) แต่ศาลไม่รับคำร้อง ต่อมาจึงยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาแห่งสวิตเซอร์แลนด์หวังให้ศาลช่วยบีบซีเอเอสให้รับคำร้อง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอีก จึงต้องหันไปพึ่งศาลสิทธิมนุษยชนด้วยหวังว่าจะได้รับไฟเขียวให้ลงป้องกันเหรียญทองของตัวเองในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กลางปีนี้
ย้อนไปเมื่อเดือนมีนาคมปี 2020 เซเมนย่าประกาศว่าจะร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ที่ระยะ 200 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาควบคุมฮอร์โมนตามกฎ ซึ่งการจะเข้าร่วมในระยะดังกล่าวได้ เธอต้องผ่านเกณฑ์คัดเลือก วิ่งให้ได้ 22.80 วินาทีก่อน แต่สถิติที่ดีที่สุดในปัจจุบันของเซเมนย่าคือ 23.49 วินาที