สกู๊ปหน้า 1 : ดีลประวัติศาสตร์ ‘โรนัลโด้’ กลับปีศาจแดง

สกู๊ปหน้า 1 : ดีลประวัติศาสตร์ ‘โรนัลโด้’ กลับปีศาจแดง

เรียกว่าเป็นปรากฏการณ์ช็อกวงการลูกหนังต่อเนื่องในตลาดซื้อขายรอบนี้ หลังจากไม่กี่สัปดาห์ก่อน ลิโอเนล เมสซี่ แข้งเทพชาวอาร์เจนไตน์ เซ็นสัญญาร่วมทีมปารีส แซงต์แชร์แมง เนื่องจากไม่สามารถต่อสัญญากับบาร์เซโลน่าได้ มาช่วงดึกวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม ก็เกิด “ดีลฟ้าผ่า” คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายกลับสังกัดเก่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบปัจจุบันทันด่วน!

กรณีของโรนัลโด้ถือว่าช็อกหนักกว่า เมสซี่ เพราะก่อนหน้านั้นราว 1 สัปดาห์ มีข่าวว่าเอเยนต์พยายามเสนอขายเขาให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก ยิ่งใกล้ปิดตลาด ยิ่งมีข่าวหนาหู

ช่วงสายวันพฤหัสบดีก่อนหน้านั้นวันเดียว มีสัญญาณว่าจะปิดดีลกันได้ภายใน 24 ชั่วโมง เพราะโรนัลโด้ตอบรับเงื่อนไขส่วนตัวกับเรือใบสีฟ้าแล้ว รอแค่ซิตี้เจรจาค่าตัวกับ
ยูเวนตุส แล้วยื่นซื้ออย่างเป็นทางการเท่านั้น

ข่าวนี้ทำเอาแฟนๆ ปีศาจแดงทั่วโลกผิดหวังไปตามๆ กัน เพราะถึงจะเป็นวิถีแห่งฟุตบอล แต่การที่นักเตะระดับตำนานของโลกอย่างโรนัลโด้จะย้ายร่วมทีมคู่ปรับร่วมเมืองที่มีประวัติศาสตร์กันมายาวนาน เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยาก แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือ ความพยายามเบื้องหลังของทีมแมนฯยูที่จะ “ไฮแจ๊ก” ตัดหน้าเรือใบสีฟ้า ดึงตัวโรนัลโด้กลับไปร่วมทีม หลังได้สัญญาณไฟเขียวจากครอบครัว เกลเซอร์ เจ้าของทีมว่ากันว่า เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตตำนานผู้จัดการทีมแมนฯยูผู้ปลุกปั้นโรนัลโด้มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้อย่างมาก

Advertisement

เฟอร์กี้ดึงโรนัลโด้ไปร่วมทีมตอนอายุ 18 หลังจากโชว์ฟอร์มได้ดีกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่บ้านเกิด และให้โอกาสเขามีบทบาทในทีมตั้งแต่อายุยังน้อยจนแจ้งเกิดได้เต็มตัว

โรนัลโด้เคยให้สัมภาษณ์สื่อว่า หนึ่งในความทรงจำที่ยังประทับใจไม่รู้ลืมคือครั้งหนึ่งพ่อของตนเข้าโรงพยาบาล ช่วงนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของฤดูกาล แต่ก็ตัดสินใจขอเฟอร์กี้เดินทางกลับบ้านเกิด ซึ่งเฟอร์กี้รีบอนุญาตทันที และบอกว่าครอบครัวต้องมาก่อน จะลาไป 4-5 วัน ก็ไม่เป็นไร สำหรับเจ้าของฉายา CR7 แล้ว เฟอร์กี้เป็นมากกว่าโค้ช มีความสัมพันธ์ไม่ต่างจากพ่อ-ลูก และเป็นคนที่เขาให้ความเคารพมากๆ

สื่ออังกฤษรายงานว่า เฟอร์กี้ติดต่อหาโรนัลโด้ช่วงเช้าวันศุกร์ บอกว่าแมนฯยูอยากได้เขากลับไปร่วมทีม หลังจากนั้นบรรดาอดีตเพื่อนร่วมทีมแมนฯยูต่างก็ติดต่อหาเขา ไม่ว่าจะทางโทรศัพท์หรือแชตผ่านแอพพ์ต่างๆ ทั้ง ริโอ เฟอร์ดินานด์, ปาทริซ เอฟร่า, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ รวมถึง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ กุนซือแมนฯยูในปัจจุบัน

Advertisement

นอกจากนี้ บรูโน่ แฟร์นันเดส นักเตะคนสำคัญของปีศาจแดงในปัจจุบัน และรุ่นน้องในทีมชาติโปรตุเกสของโรนัลโด้ ก็เป็นอีกคนที่ติดต่อหาเขาในช่วงเช้าวันนั้น หลังจากได้รับคำยืนยันว่าทีมเก่าอยากได้ตัวเขากลับ

จากเดิมที่มีแมนฯซิตี้ยื่นข้อเสนอไปทีมเดียว โรนัลโด้ก็รีบปฏิเสธเรือใบสีฟ้าทันที ตอนที่โซลชาร์แถลงข่าวผ่านซูมในช่วงบ่ายวันศุกร์ เขาก็แน่ใจแล้วว่า CR7 จะกลับสู่ถิ่น
โอลด์แทรฟฟอร์ด แต่ไม่สามารถเผยข้อมูลเวลานั้นได้จนกว่าสโมสรจะยืนยันอย่างเป็นทางการ จึงได้แต่ให้สัมภาษณ์เป็นนัยๆ ว่า ถ้าโรนัลโด้อยากย้ายทีม เขาก็รู้ว่าแมนฯยูพร้อมรอรับเสมอ ซึ่งถือว่าผิดวิสัยของกุนซือชาวนอร์เวย์ที่มักจะไม่เคยพูดถึงนักเตะที่ยังไม่ได้ย้ายทีม

หลังจากนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ราว 4-5 โมงเย็นตามเวลาท้องถิ่นของอังกฤษ แมนฯยูก็ยืนยันว่าบรรลุข้อตกลงคว้าโรนัลโด้ร่วมทีมแล้ว ในราคา 15 ล้านยูโร หรือประมาณ 585 ล้านบาท บวกโบนัสตามผลงานอีก 8 ล้านยูโร หรือประมาณ 312 ล้านบาท

กีเยม บาลาเก้ กูรูลูกหนังของสำนักข่าวบีบีซี บอกว่า จริงๆ แล้วยูเว่พยายามขายโรนัลโด้ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ตัวเขาเองก็ไม่แฮปปี้ที่ไม่ค่อยสัมผัสถึงความรักที่สโมสรมีให้เขาเท่าที่ควร จึงพยายามหาที่อยู่ใหม่ก่อนสัญญาจะหมดลงในปีหน้า

สำหรับแมนฯยู ในแง่การลงทุน ถือว่าเป็นการซื้อที่คุ้มค่ากับสโมสรอย่างมาก เพราะได้นักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์ที่เป็นตำนานสโมสรกลับมา ทำให้หุ้นแมนยูฯดีดตัวขึ้น 8% และในแง่การตลาด ต้องถือว่าแบรนด์อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับโรนัลโด้ เป็นสินค้าแบรนด์แข็งแกร่งทั้งคู่ ดังนั้น เมื่อกลับมาจับมือกันอีกครั้ง ย่อมช่วยสร้างคุณค่าได้มากกว่า 1+1 เป็น 2 อย่างแน่นอน

โรนัลโด้กลับมา ก็มีแฟนแมนฯยูรอต้อนรับอยู่จำนวนมาก สามารถสร้างรายได้ให้แก่สโมสรทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากตั๋วเข้าชม รายได้จากการขายเสื้อ สินค้า ของที่ระลึกต่างๆ รวมไปถึงสปอนเซอร์พร้อมจะจ่ายให้กับทีมแมนฯยู มากขึ้นเมื่อมีโรนัลโด้เข้ามาเป็นแม่เหล็กดึงดูดแฟนบอล

ส่วนเรื่องในสนาม เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 5 สมัย น่าจะมาช่วยเพิ่มทางเลือกในแนวรุกให้ทีมได้ไม่มากก็น้อย เพราะถึงอายุอานามจะปาเข้าไป 36 ปีแล้ว แต่โรนัลโด้ก็ยังดูแลร่างกายให้ฟิตไม่แพ้นักเตะรุ่นน้องแน่นอน

เรื่องดีกรียิ่งไม่ต้องพูดถึง ตลอดชีวิตการค้าแข้ง โรนัลโด้ยิงประตูระดับสโมสรไปแล้ว 674 ประตู และทำแอสซิสต์อีก 229 ครั้ง แจกแจงรายละเอียด คือ สปอร์ติ้ง ลิสบอน 31 นัด ยิง 5 แอสซิสต์ 6, แมนฯยู 292 นัด ยิง 118 แอสซิสต์ 69, รีล มาดริด 438 นัด ยิง 450 แอสซิสต์ 132, ยูเวนตุส 134 นัด ยิง 101 แอสซิสต์ 22 ไหนจะจำนวนแชมป์อีกนับไม่ถ้วน ตอนอยู่กับแมนฯยูหนแรก 6 ฤดูกาล ร่วมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอคัพ 1 สมัย, ลีกคัพ 2 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย พอไปอยู่กับราชันชุดขาว ได้แชมป์ลาลีก้า 2 ครั้ง, โกปา เดล เรย์ 2 ครั้ง, แชมเปี้ยนส์ลีก 4 ครั้ง และกับยูเวนตุส ได้แชมป์กัลโช่ เซเรียอา 2 ครั้ง และโคปปา อิตาเลีย อีก 1 ครั้ง กระนั้น ก็ยังมีกูรูลูกหนังอิตาลีตั้งคำถามว่า แมนฯยูได้โรนัลโด้กลับไปเป็นเรื่องดีจริงหรือ? เพราะการมีนักเตะระดับนี้ในทีม ไม่ว่ายังไงก็ต้องส่งลงสนาม และต้องให้เขามีบทบาทกับเกม อาจทำให้นักเตะคนอื่นๆ ไม่มีอิสระเท่าที่ควร อีกทั้งยังเป็นการโยนแรงกดดันไปให้โซลชาร์ ว่าได้โรนัลโด้มาแล้ว ควรต้องมีแชมป์ติดไม้ติดมือเสียที หลังจากเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาหลายรอบ ไม่เช่นนั้น ตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนฯยูอาจต้องถึงเวลาเปลี่ยนแปลงก็เป็นได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image