โนเล่ออกตัวยังไม่รีบพูดเรื่องสร้างประวัติศาสตร์กวาดแชมป์แกรนด์สแลม เพราะยังไม่บรรลุเป้าหมาย
โนวัก โยโควิช นักเทนนิสมือ 1 โลกชาวเซอร์เบีย ต้องการชัยชนะอีกเพียงนัดเดียวเพื่อสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเทนนิสคนที่ 6 ที่กวาดแชมป์แกรนด์สแลมประเภทเดี่ยวครบ 4 รายการในปีเดียว หลังเอาชนะอเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ มือวางอันดับ 4 ชาวเยอรมัน 4-6, 6-2, 6-4, 4-6, 6-2 ในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ “ยูเอส โอเพ่น” ที่ฟลัชชิ่ง มีโดว์ส นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 กันยายน เป็นการล้างแค้นจากที่โนเล่เคยพ่ายให้ซเวเรฟในการแข่งขันเทนนิสชายเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนที่แล้ว
ในรอบชิงชนะเลิศ โนเล่จะพบกับดานีล เมดเวเดฟ มือ 2 ของโลกชาวรัสเซีย ซึ่งเอาชนะเฟลิกซ์ โอเชร์ อเลียสซีม มือวางอันดับ 12 จากแคนาดา 6-4, 7-5, 6-2 ซึ่งเข้าชิงแกรนด์สแลมมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ยังทำไม่สำเร็จ โดย 2 ครั้งก่อนหน้านี้พ่ายให้ราฟาเอล นาดาล อดีตมือ 1 โลกชาวสเปน ในรอบชิงยูเอส โอเพ่น ปี 2019 และแพ้โนเล่ในศึกออสเตรเลียน โอเพ่น ปีนี้
ที่ผ่านมา เคยมีนักเทนนิสที่กวาดแชมป์แกรนด์สแลม 4 รายการในปีเดียวมาแล้ว 5 คน ได้แก่ ดอน บัดจ์ (สหรัฐ) ปี 1938, มอรีน คอนเนลลี่ (สหรัฐ) ปี 1953, ร็อด เลเวอร์ (ออสเตรเลีย) ปี 1962 และ 1969, มาร์กาเร็ต คอร์ต ปี 1970 และสเตฟฟี่ กราฟ ปี 1988
อย่างไรก็ตาม โนเล่พยายามไม่คิดถึงเรื่องนี้มากนัก โดยกล่าวว่า ทราบดีว่าทุกคนต้องการพูดเรื่องการสร้างประวัติศาสตร์ แต่ตอนนี้อยากจะโฟกัสที่สิ่งที่ตัวเองทำได้ก่อน และถึงจะชนะซเวเรฟในรอบรองชนะเลิศได้ก็ยังไม่ดีใจ เพราะถือว่ายังไม่บรรลุเป้าหมาย ตอนนี้เน้นที่การฟื้นฟูร่างกายเพื่อเตรียมตัวสำหรับนัดต่อไป
หากเขาคว้าแชมป์สำเร็จ โนเล่วัย 34 ปี จะเป็นแชมป์ยูเอส โอเพ่น อายุมากที่สุดนับตั้งแต่เคน โรสเวลล์ คว้าแชมป์ตอนอายุ 35 เมื่อปี 1970 อีกด้วย ซึ่งเจ้าตัวกล่าวว่า รู้ดีว่าจุดแข็งของตัวเองคืออะไร และตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็พยายามขัดเกลาจนเกมของตัวเองสมบูรณ์แบบ ไม่ให้มีข้อผิดพลาด นักเทนนิสทุกคนย่อมมีจุดอ่อนในเกมของตัวเอง จึงสามารถพัฒนาได้เรื่อยๆ สำหรับตนพยายามจะเป็นนักเทนนิสที่เล่นเกมได้หลากหลายที่สุด และคิดว่าตัวเองทำได้ดีเพราะสามารถปรับตัวไปตามคู่แข่งที่เจอและบนพื้นผิวคอร์ตที่แตกต่างกัน
