สื่อนานาชาติ มองพิธีเปิดซีเกมส์
เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับมหกรรมกีฬา ซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่กัมพูชาได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันมหกรรมกีฬาที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอาเซียนรายการนี้
พิธีเปิดการแข่งขันซึ่งถือเป็นด่านแรกอย่างเป็นทางการในการแสดงศักยภาพและแสนยานุภาพของเจ้าภาพนั้น ถือว่ากัมพูชาสอบผ่านอย่างน่าชื่นชม เนื่องด้วยการแสดงแสงสีเสียงที่สนามกีฬาแห่งชาติมรดกเตโช ถือว่ายิ่งใหญ่อลังการและสมศักดิ์ศรีที่เจ้าภาพประกาศไว้ก่อนการแข่งขันว่าจะไม่น้อยหน้าใคร ส่วนประเด็นที่ว่าจะถึงมาตรฐานระดับโอลิมปิกเกมส์ตามที่ประกาศไว้หรือไม่นั้น เป็นประเด็นที่ผู้ชมต้องตัดสินกันเอง
ผู้สื่อข่าว มติชน ซึ่งเข้าไปชมพิธีเปิดในสนามด้วย แสดงความเห็นว่า พิธีเปิดซีเกมส์ครั้งนี้ถือว่าทำได้ดีกว่ามาตรฐานของซีเกมส์หลายๆ ครั้งที่ผ่านมา มีการใช้แสงสีเสียงเล่าเรื่องราวตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันได้อย่างครบถ้วน ทำให้ช่วงเวลากว่า 1 ชั่วโมงในการแสดงทุกชุด มีความน่าสนใจ ประทับใจ ถึงแม้จะไม่ใช่คนที่รู้เรื่องราวของกัมพูชามาก่อน ก็เข้าใจได้ง่าย แต่ถ้าถามว่าสวยงามและยิ่งใหญ่ตามมาตรฐานโอลิมปิกเกมส์อย่างที่เจ้าภาพประกาศไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ อาจจะยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็ถือว่าไม่น่าผิดหวัง
ด้านหนังสือพิมพ์ สเตรทไทม์ส ของสิงคโปร์ บรรยายถึงพิธีเปิดการแข่งขันครั้งนี้ว่า พิธีเปิดการแข่งขันเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชม 75,000 คนในสนามได้เป็นระยะๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดอกไม้ไฟอลังการที่ส่องประกายบนท้องฟ้าแทบทุกครั้งหลังจบการแสดงแต่ละชุด
ขณะที่ เทอร์รี่ เตย์ นักกีฬายิมนาสติกสิงคโปร์ ผู้ถือธงนำขบวนพาเหรดนักกีฬาแดนลอดช่อง กล่าวว่า หวังว่าทุกคนจะได้มาอยู่ในพิธีเปิดด้วยกันเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม ทั้งการแสดงและนักแสดงจำนวนมาก นี่เป็นพิธีเปิดการแข่งขันซีเกมส์ครั้งแรกที่ตัวเองมีส่วนร่วม จึงทำให้ยิ่งพิเศษเข้าไปอีก และเป็นความทรงจำล้ำค่าสำหรับตน
อย่างไรก็ตาม สเตรทไทม์สชี้ว่า ท่ามกลางพิธีเปิดที่น่าตื่นตาตื่นใจก็มีความผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้น เมื่อการแสดงชุดหนึ่งซึ่งผู้แสดงต้องวิ่งโบกธงชาติทั้ง 11 ชาติที่เข้าร่วมไปรอบๆ สนาม ปรากฏว่า ธงชาติประเทศอินโดนีเซียติดกลับด้าน จากที่ควรเป็นแถบสีแดงด้านบน แถบสีขาวด้านล่าง กลับสลับกันจนกลายเป็นธงชาติโปแลนด์ไปแทน ไม่เพียงเท่านั้น ธงชาติของเมียนมาและเวียดนามบางผืนก็ติดกลับหัวกลับหางเช่นกัน
นิวส์ พอร์ทัล เท็มโป สื่ออินโดนีเซีย รายงานว่า แฮร์รี่ วาร์กาเนการ่า รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกอินโดนีเซีย ส่งหนังสือร้องเรียนเรื่องนี้ไป และได้รับคำขอโทษอย่างเป็นทางการจากทางกัมพูชาและฝ่ายจัดการแข่งขันแล้ว โดยยืนยันว่าจะระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก
ด้าน อินไซด์ เดอะ เกมส์ เว็บไซต์ข่าวสารกีฬาทั่วโลก กล่าวถึงพิธีเปิดครั้งนี้ว่า น่าตื่นตาตื่นใจ ชุดการแสดงส่วนใหญ่เน้นถ่ายทอดวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยมีจอ LED ขนาดยักษ์ฉายภาพสถานที่สำคัญๆ ของประเทศเป็นฉากหลัง
ขณะที่การจุดคบเพลิงเป็นการเหินเวหาของ สอน เสียฟเมย นักเทควันโดสาวเจ้าภาพ ดีกรี 3 เหรียญทองซีเกมส์ ซึ่งลอยตัวด้วยลวดสะลิงถือคบเพลิงขึ้นไปต่อไฟที่ปรากฏพญานาคราชบนจอ LED ด้านหลัง แล้วพ่นต่อไปยังคบเพลิงด้านข้างสนาม
ขณะที่ เจแปน ไทม์ส สื่อญี่ปุ่นในฐานะ ผู้สังเกตการณ์วงนอก กล่าวถึงซีเกมส์ครั้งนี้ว่า เป็นมหกรรมกีฬาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เจือรสชาติความเป็นจีนเข้าไป เนื่องจากสนามกีฬาแห่งชาติมรดกเตโชที่สร้างใหม่นั้น ได้รับการสนับสนุนทั้งงบประมาณราว 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (5,280 ล้านบาท) และทีมงานออกแบบ-ก่อสร้างจากรัฐบาลจีน ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาออกทุนในการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ราว 118 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3,894 ล้านบาท)
สมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา กล่าวถึงความช่วยเหลือของจีนในครั้งนี้ว่า เป็นสัญลักษณ์ของสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้ง 2 ประเทศ ขณะที่ผู้สังเกตการณ์ก็มองว่าความร่วมมือฉากหน้านี้เป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัยและแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของทั้ง 2 ชาติ ขณะเดียวกันก็เป็นการตอบรับ น้ำใจ จากมิตรประเทศเพื่อย้ำสถานะการเมืองของตัวสมเด็จฯฮุน เซน เองในทางหนึ่ง
สมเด็จฯฮุน เซน ในวัย 70 ปี เป็นหนึ่งในผู้นำรัฐบาลที่ครองอำนาจนานที่สุดในโลก โดยอยู่ในตำแหน่งมายาวนานถึง 38 ปีแล้ว นับจากผงาดขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2528 เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายต่อต้านในประเทศและจากชาติตะวันตกว่าใช้อำนาจที่มือยู่ในมือ กดขี่ปราบปรามนักการเมืองฝ่ายค้านและกลุ่มผู้เห็นต่าง รวมถึงสื่อมวลชนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของเขา ด้วยการยัดข้อหาแล้วจับกุมดำเนินคดี จนทำให้ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของฮุน เซน ต้องหลบลี้หนีภัยการเมืองออกนอกประเทศไป
แม้สมเด็จฯฮุน เซน จะเคยออกมาส่งสัญญาณเป็นนัยเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ถึงการจะก้าวลงจากตำแหน่งผู้นำบริหารประเทศ เมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชาที่กำหนดจะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคมปีนี้ก็ตาม โดยท่าทีนี้มีขึ้นในขณะที่สมเด็จฯฮุน เซน ผู้นำการเมืองที่มีความเก๋าเกมและทรงอิทธิพลบารมีอย่างมากผู้นี้ ได้ปูทางที่จะส่งไม้ต่อการสืบทอดอำนาจให้กับ พล.อ.ฮุน มาเนต บุตรชายคนโตของเขา ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 70 ของกองทัพกัมพูชาและผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ผู้นำ ซึ่งก้าวขึ้นสู่อำนาจได้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่นาน
ทว่าเมื่อเร็วๆ นี้ สมเด็จฯฮุน เซน ยังกลับพลิกลิ้นแทงกั๊กไว้เช่นเคย โดยกล่าวว่าเขาจะลงสังเวียนแข่งขันในศึกเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะเกิดขึ้นครั้งนี้ด้วย ท่ามกลางการคาดหมายว่า พรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) ของสมเด็จฯฮุน เซน ก็จะยังคงกวาดชัยชนะไปได้อย่างท่วมท้นเช่นเคย
ความสำเร็จของการเป็นเจ้าภาพมหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 32 น่าจะตอกย้ำถึงสถานภาพที่มั่นคงทางการเมืองของสมเด็จฯฮุน เซน ด้วยเช่นกัน