รอรี่หวังเจรจากับลิฟกอล์ฟลงตัว ผุดการแข่งขันสไตล์แชมเปี้ยนส์ลีก
รอรี่ แม็คอิลรอย โปรกอล์ฟมือ 2 ของโลกชาวไอร์แลนด์เหนือ คาดหวังว่า การเจรจาระหว่างพีจีเอทัวร์และดีพี เวิลด์ ทัวร์ (ยูโรเปี้ยนทัวร์เดิม) กับ “พับลิก อินเวสต์เมนต์ ฟันด์” (พีไอเอฟ) กลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของการแข่งขันลิฟ กอล์ฟ เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับรูปแบบการแข่งขันหลังการควบรวมกันเมื่อปีที่แล้ว จะนำไปสู่การแข่งขันกอล์ฟรูปแบบใหม่สไตล์การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เพื่อเป็นการผลักดันกีฬากอล์ฟให้ได้รับความนิยมยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ ได้มีการแถลงข่าวการจับมือกันระหว่าง 3 องค์กร โดยทำข้อตกลงและกรอบความร่วมมือกันไว้ในเดือนมิถุนายน พร้อมกำหนดเส้นตายการทำสัญญากันในวันที่ 31 ธันวาคมปีที่แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุป และเลื่อนไปเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้แทน
รอรี่กล่าวว่า ถ้าอยากจะทำอะไรใหม่ๆ ให้เป็นประโยชน์กับกีฬากอล์ฟ ที่ตนคิดไว้คือการตั้งทัวร์ระดับท็อปขึ้นมา แล้วให้ทัวร์อื่นป้อนนักกีฬาเข้าไป ให้มีระบบการเลื่อนชั้น-ตกชั้น การจะได้เข้าไปเล่นในทัวร์สูงสุด ต้องผ่านหลักเกณฑ์บางอย่างเพื่อให้เลื่อนระดับเข้าไปได้ และถ้าจะยังได้เล่นในทัวร์สูงสุดต่อไป ก็ต้องรักษาสิทธิผ่านเงื่อนไขอันดับต่างๆ เช่นกัน ตนมองเทียบกับการแข่งขันแชมเปี้ยนส์ลีกของกีฬาฟุตบอลที่มีแต่สุดยอดทีมของยุโรปเข้าร่วมแข่งขันผ่านโควต้าจากลีกต่างๆ สำหรับทัวร์กอล์ฟระดับท็อปที่ว่า ก็ควรเป็นทัวร์ที่เปิดกว้างรับนักกอล์ฟจากทั่วโลก แต่ต้องพยายามกำหนดหลักเกณฑ์และโครงสร้างการแข่งขันที่เหมาะสมว่าจะคัดนักกอล์ฟจากทัวร์ต่างๆ เข้าร่วมอย่างไร
“ลองนึกภาพอีก 2-3 ปีข้างหน้ามีโกลบอลทัวร์ที่มีนักกอล์ฟมือท็อป 70-80 คนเข้าร่วมแข่งขัน แล้วรวมตัวไปแข่งทัวร์นาเมนต์นึกสักที่ อาจจะที่อินเดีย เชื่อว่าถ้าทำได้แบบนั้นจะช่วยเปลี่ยนโฉมกีฬากอล์ฟไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะกับประเทศที่กีฬานี้อาจจะยังไม่ได้รับความนิยมนัก หากทำระบบดีๆ ก็จะช่วยเปิดตลาดในระดับโลกให้กับกีฬากอล์ฟได้” โปรกอล์ฟมือ 2 ของโลกกล่าว
อย่างไรก็ตาม รอรี่ยอมรับว่า หวั่นว่าหากผลประโยชน์ไม่ลงตัวหรือเป้าหมายของแต่ละองค์กรไม่ตรงกัน สุดท้ายอาจไม่ได้ข้อสรุป และเสี่ยงที่กีฬากอล์ฟจะมีรอยร้าวไปตลอดกาล ดังนั้น สิ่งจำเป็นลำดับแรกสุดคือต้องเจรจาเรื่องเป้าหมายให้ลงตัวก่อน ทั้งในมุมของนักกอล์ฟ ของเจ้าของธุรกิจ แฟนๆ และสื่อ ให้ผู้เกี่ยวข้องแต่ละฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน แล้วจึงเดินหน้ากันต่อ
