เมดเวเดฟ-เปกูล่า หวังกรณีซินเนอร์ช่วยสร้างบรรทัดฐานวงการเทนนิส
ดานีล เมดเวเดฟ อดีตนักเทนนิสมือ 1 โลกชาวรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันอยู่อันดับ 6 ของโลก แสดงทรรศนะกรณียานนิก ซินเนอร์ มือ 1 โลกชาวอิตาเลียน ยอมรับโทษแบน 3 เดือนจากองค์การต่อต้านสารต้องห้ามโลก (วาด้า) กรณีไม่ผ่านการตรวจสารต้องห้าม 2 ครั้งเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว และได้รับการเคลียร์ชื่อรวมถึงไม่ถูกลงโทษใดๆ จนวาด้ายื่นอุทธรณ์ให้ลงโทษเขาในเวลาต่อมา
เดิมนั้นวาด้ายื่นอุทธรณ์ต่อศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาโลก (ซีเอเอส) ให้แบนซินเนอร์ 1-2 ปี แต่ต่อมาทั้ง 2 ฝ่ายทำข้อตกลงร่วมกันให้แบนซินเนอร์ 3 เดือน เนื่องจากวาด้ายอมรับคำอธิบายว่า เขาไม่ได้มีเจตนาโกงด้วยสารต้องห้าม ตามคำอธิบายที่ว่า เทรนเนอร์ซื้อยาประเภทสเปรย์มาใช้ และนักกายภาพบำบัดในทีมเขาเอาไปใช้รักษาแผลที่มือ ก่อนมาจับตัวซินเนอร์โดยไม่สวมถุงมือ
เมดเวเดฟกล่าวว่า หวังว่าหลังจากนี้ หากเกิดกรณีไม่ผ่านการตรวจสารต้องห้ามขึ้นอีก นักเทนนิสจะได้รับโอกาสในการชี้แจงเพื่อปกป้องตัวเองในลักษณะเดียวกัน เพราะถ้าไม่ได้รับโอกาสแบบนี้บ้างคงเป็นเรื่องแปลกประหลาดมากๆ
โดยหวังว่านักเทนนิสทุกคนจะมีสิทธิได้ปกป้องตัวเอง เพราะบางครั้งนักหวดบางคนก็ไม่มีเงินมากพอจะจ้างทนายความเก่งๆ มาเป็นตัวแทนต่อสู้ให้ และต้องให้การหรือต่อสู้ด้วยตัวเอง ถ้าซินเนอร์เป็นคนเดียวที่ทำแบบนั้นได้ คงเป็นสัญญาณที่ไม่ดี แต่ถ้าทุกคนมีสิทธิทำเหมือนๆ กัน จะถือเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ
ด้านเจสซิก้า เปกูล่า มือ 1 หญิงโลกชาวอเมริกัน กล่าวว่า กรณีของซินเนอร์และอิก้า สเวียเท็ก มือ 2 โลกชาวโปแลนด์ที่ไม่ผ่านตรวจโด๊ปเมื่อปีที่แล้ว และโดนลงโทษแบน 1 เดือน แสดงให้เห็นว่ากระบวนการต่างๆ ใช้ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ว่าเขาโด๊ปหรือไม่โด๊ป หรือไม่ว่าคุณจะอยู่ฝั่งไหน สิ่งที่เห็นได้ชัดคือกระบวนการมันไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น เหมือนกับว่าผู้รับผิดชอบคิดอยากจะทำอะไรก็ทำ บางครั้งก็ตั้งกฎมาเองดื้อๆ ตนไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้จะแฟร์กับนักหวดคนอื่นอย่างไร เพราะกระบวนการต่างๆ ไม่มีความแน่นอนเลย คิดว่าตอนนี้ไม่มีนักเทนนิสคนไหนไว้ใจกระบวนการต่างๆ แล้ว เป็นภาพที่ไม่ดีเลย และควรกลับมาพิจารณาปรับปรุงอย่างจริงจัง