อีกขวบปีที่เติบโตขึ้น ของ ‘เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี’

ห้วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาแคมป์ เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี ได้พัฒนาและปลุกปั้นนักแบดมินตันในโครงการให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพภายใต้วินัยที่เข้มงวด และด้วยการนำเอาวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้อย่างครบวงจรจากทีมงานที่มี รองศาสตราจารย์เจริญ กระบวนรัตน์ เป็นแม่ทัพ

“บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์, “สกาย” กิตตินุพงษ์ เกตุเรน, “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย, “เอิร์ธ” พุธิตา สุภจิรกุล ฯลฯ คือ ดอกผลที่งดงามจากเมล็ดพันธุ์ที่ถูกหว่านลงดินอย่างเอาใจใส่

แต่กว่าจะได้ดอกผลอย่างที่ตั้งใจ ต้องผ่านอุปสรรค ผ่านการแก้ไข ปรับปรุง พัฒนาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ซึ่งผลงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 ของนักกีฬาจากแคมป์เอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมี เป็นตัวบ่งชี้ในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

Advertisement

“ครึ่งปีแรก นักกีฬาเราอยู่ในระหว่างการปรับตัว อยู่ในโปรแกรมการเตรียมความพร้อมร่างกาย แก้ไขข้อบกพร่อง และบางคนมีอาการบาดเจ็บ จึงทำให้ยังไม่ค่อยมีผลงานที่ดีมากนัก แต่ครึ่งปีหลังจะเห็นได้ชัดว่า ที่เราทำมาในครึ่งปีแรก เริ่มออกดอกออกผล ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่ทีมงานวางไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเก็บรายละเอียด การแก้ไขข้อบกพร่องนักกีฬา รวมถึงแนวทางการทำงาน” ณปภัช ประไพตระกูล ผู้จัดการโครงการเอสซีจี แบดมินตัน อคาเดมีกล่าว

สำหรับผลงานที่เด่นๆ ของนักกีฬาชุดเยาวชนคือ “มินนี่” ธมนวรรณ นิธิอิทธิไกร คว้ารองแชมป์รุ่นอายุ 15 ปีในแบดมินตันเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย ที่พม่า และยังคว้าแชมป์รุ่น 15 ปีศึกเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทยได้อีกด้วย ด้านฝั่งดาวรุ่งชายอย่าง เหนือดวง มังกรลอย ก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ จนคว้าแชมป์เยาวชนประเทศไทย ในรุ่น 17 ปีได้สำเร็จ

Advertisement

ขณะที่นักกีฬาอย่าง “เอ็ม” สุภัค จอมเกาะ, “อเล็กซ์” วชิรวิทย์ โสทน และ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน ก็สร้างความมั่นใจให้กับตัวเองด้วยผลงานที่ร้อนแรงในช่วงปลายปี เริ่มจากการคว้าแชมป์ชายคู่(สุภัค-วชิรวิทย์) และคู่ผสม(สุภัค-ศุภิสรา) ในรายการ “โยเน็กซ์ ซันไรส์ เนปาล อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์” ที่เนปาล ต่อด้วยรองแชมป์ชายคู่(สุภัค-วชิรวิทย์) และคู่ผสม(สุภัค-ศุภิสรา)ที่สามารถเข้าถึงรอบรองชนะเลิศรายการ “โยเน็กซ์ ซันไรส์ บังกลาเทศ อินเตอร์เนชั่นแนล ชาลเลนจ์” ที่บังกลาเทศ

ส่วนชุดใหญ่ ประเภทคู่ผสม เดชาพล-ทรัพย์สิรี ที่เพิ่งกลับมาลงสนามคู่กันในช่วงต้นปี หลังจากปอป้อหยุดพักรักษาอาการบาดเจ็บเข่าไปราวๆ ครึ่งปี ก็กลับมาคืนฟอร์มได้อย่างสวยหรูในรายการใหญ่ช่วงปลายปี เดือนตุลาคม ด้วยการได้รองแชมป์ รายการ “เดนิซ่า เดนมาร์ก โอเพ่น” ที่เดนมาร์ก สัปดาห์ถัดมา เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ รายการ “เฟร้นช์ โอเพ่น” ที่ฝรั่งเศส และเข้าถึงรอบตัดเชือก “ฮ่องกง โอเพ่น” ในเดือนพฤศจิกายน จนทำคะแนนสะสมมาเป็นอันดับ 3 เข้าไปชิงชัยรายการใหญ่ส่งท้ายปีเมื่อเดือนธันวาคม “เอชเอสบีซี บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ ทัวร์ ไฟนัลส์ 2018” ที่นครกว่างโจว ประเทศจีน ก่อนจะแพ้คู่มือ 1 โลกเจ้าถิ่น เจิ้ง ซีเหว่ย – หวง ย่าเฉียง ไปอย่างสูสี 1-2 เกม ในรอบรองชนะเลิศ จนตอนนี้ทะยานขึ้นไปเป็นมือ 5 ของโลกแล้ว


จากผลงานที่ออกมา ประเมินได้ว่า แนวทางที่ทำมาถูกทางแล้ว นักกีฬาทุกคนมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ส่วนการทำงานในปีหน้าก็เช่นเดิมคือ นักกีฬาทุกคนที่จะส่งไปแข่งขันต่างประเทศจะต้องมีความพร้อมในทุกด้านจริงๆ เพราะปี 2562 ถือเป็นปีสำคัญ เพราะจะเริ่มเก็บคะแนนสะสมโอลิมปิกเกมส์ 2020 ในวันที่ 29 เมษายน

สำหรับนักกีฬาที่มีเป้าหมายในการเข้ารอบสุดท้ายโอลิมปิกเกมส์ 2020 ก็คือ คู่ผสม เดชาพล-ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย, ชายคู่ เดชาพล-กิตตินุพงษ์ และหญิงคู่ ทรัพย์สิรี -พุธิตา สุภจิรกุล แต่อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับความพร้อมของนักกีฬาเองด้วยเช่นกัน

เมื่อมีความพร้อมทั้งคุณภาพและความแข็งแกร่ง ยิ่งมีการเอาใจใส่ดูแลที่ดีเข้ามาอีก ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็จะตามมาอีกจนแทบยิ้มรับไม่ไหว

ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดังทางไลน์แอดมติชนกีฬา (@matisport)
เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image