ต้อนรับปีเลือกตั้ง พ.ศ.2562 คนกีฬาอยากได้อะไรจาก ‘รัฐบาลใหม่’

ในปีพ.ศ.2562 นับว่าเป็นอีกปีที่สำคัญสำหรับเมืองไทย อย่างที่หลายคนลุ้นกันว่าจะมีการเลือกตั้งรัฐบาลขึ้นในปีนี้เพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่บริหารประเทศ ดังนั้นมาดูกันว่าคนกีฬาเมืองไทย คาดหวังอะไรหรือต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ช่วยสนับสนุนวงการกีฬาอย่างไรกันบ้าง

มาเริ่มต้นที่คีย์แมนหลักจากบ้านอัมพวันอย่าง “บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการ คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ

โดยพล.ต.จารึก ชี้ว่า คนที่จะเข้ามารับผิดชอบเรื่องนโยบายเกี่ยวกับกีฬานั้นควรจะต้องถือว่าการกีฬาเป็นส่วนที่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติได้ และทุกชนิดกีฬาเองก็มีการแข่งขันทั้งหมด สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้ทั้งในระดับเอเชียและระดับโลก จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

Advertisement

“ผมไม่แน่ใจว่ารัฐบาลที่มาใหม่จะเหมือนรัฐบาลเดิมหรือไม่ เพราะถ้าพูดตามความจริง รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา) ได้ทำเรื่องของงบจากภาษีบาป 2 เปอร์เซ็นต์ ให้กับกีฬาไว้ใช้ล้วนๆ รวมไปถึงประธานคณะกรรมการโอลิมปิกไทยอย่างพล.อ.ประวิตร (วงษ์สุวรรณ) ก็เอาใจใส่ แม้ว่าจะมีภารกิจทางการเมืองมากมาย แต่ก็เข้ามาร่วมประชุมติดตามงานอยู่เสมอ”

บิ๊กจา เผยว่า ช่วงที่ผ่านมาได้นำการกีฬาแห่งประเทศไทยไปดูงานที่ศูนย์ฝึกของเกาหลีใต้ที่เป็นศูนย์ฝึกแห่งใหม่ที่ใช้เตรียมพร้อมสำหรับโอลิมปิกเกมส์ 2020 ซึ่งโอลิมปิกฯ ที่อยู่ในต่างประเทศมากกว่า ก็ต้องช่วยกกท. ให้ได้รู้จักวงการกีฬาโลกมากขึ้น จะพาไปดูในสิ่งที่เป็นประโยชน์โดยเฉพาะในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งตัวผู้ว่ากกท. ก็ได้รับนโยบายจากรองนายกรัฐมนตรี พัฒนาศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาของไทยให้น่าอยู่ น่าใช้ สามารถใช้ได้กับทุกชนิดกีฬา ดังนั้นก็ต้องหาความรู้ หาอุปกรณ์ สถานที่ ทำให้ยิ่งใหญ่ไปเลย

“สำหรับกีฬาในปี 2019 คิดว่าจะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา สมาคมใดก็ตามที่ทำเพื่อชื่อเสียง ก็ต้องทำผลงานให้สัมฤทธิ์ด้วย ไม่ใช่ทำแต่ด้านชื่อเสียง มีข่าวตลอด แต่พอถึงเวลาแข่งจริงแล้วแพ้ตลอด ก็ต้องพิจารณาตัวเองเหมือนกัน” พล.ต.จารึก กล่าวปิดท้าย

Advertisement

มาทางฝั่งค่ายหัวหมากอย่าง “บิ๊กก้อง” **ก้องศักด ยอดมณี** ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) บ้าง

ผู้ว่ากกท. บอกว่า คงไม่ได้มีอะไรที่อยากได้จากรัฐบาลใหม่เป็นพิเศษ เพราะเชื่อมั่นว่าไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาล หรือผู้ที่มาดูแลในส่วนของวงการกีฬา ทิศทางที่กำลังพัฒนาโดยใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ในประเทศให้ความสำคัญ และมั่นใจว่านโยบายที่จะมาจากรัฐมนตรีคนใหม่ หรือใครก็ตามที่จะเข้ามาเป็นประธานบอร์ด กกท. จะไม่แตกต่างไปจากแนวทางเดิม ซึ่งถ้าพูดถึงสิ่งที่อยากจะขอ ก็คงขอให้สานต่อสิ่งที่ได้ดำเนินการเอาไว้แล้วนั่นเอง

ส่วนวงการกีฬาไทยในปีนี้ก็จะมีอีเวนต์ต่างๆ ที่นักกีฬาไทยเข้าร่วมการแข่งขัน ทั้งซีเกมส์ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ หรือการคัดเลือกเพื่อควอลิฟายไป โอลิมปิกเกมส์ 2020 ซึ่งจะต้องเตรียมนักกีฬาให้พร้อมมากที่สุด แต่ในส่วนของซีเกมส์คงไม่อยากให้คาดหวังว่าจะได้เป็นเจ้าเหรียญทอง เพราะว่ามันมีปัจจัยหลายๆ อย่าง แต่ก็เน้นกีฬาสากลให้มีผลงานที่ชัดเจนออกมาเท่านั้น

ขณะที่ฝั่งสมาคมกีฬา สมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับรัฐบาลชุดใหม่อยากให้มีการกำหนดนโยบายพัฒนาวงการกีฬาให้ชัดเจน และเป็นระบบ อย่างในเรื่องการจัดการแข่งขันที่ซ้ำซ้อน จนส่งผลกระทบต่อนักกีฬาวอลเลย์บอล โดยเฉพาะระดับเยาวชนที่แข่งขันเยอะจนเกินไป จึงน่าที่จะทบทวนว่าแต่ละการแข่งขัน และแต่ละองค์มาร่วมกันพูดคุย เพื่อกำหนดโปรแกรมการแข่งขันไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน เพราะนักกีฬาจะเป็นชุดเดียวกันที่เข้าร่วมแข่งขัน นอกจากนี้ตนคิดว่า รัฐบาลจะต้องมีการพัฒนาปลูกฝังให้ชาวไทยให้ความสนใจกีฬาอย่างเป็นวัฒนธรรมกีฬาด้วย เพื่อนำกีฬามาสร้างคน และคนสร้างชาติต่อไปอีกด้วย

“เฮียต่าย” นิพนธ์ ชวลิตมณเฑียร นายกสมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ทุกวันนี้จริงๆ ที่มองดูแล้วรัฐบาลที่ได้ดำเนินการสนับสนุนในด้านกีฬาก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่สำหรับรัฐบาลชุดใหม่หากต้องการที่จะสนับสนุนวงการกีฬาไทยมากกว่าเดิมก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งก็อาจจะจัดเรื่องกีฬาให้เป็นนโยบายของรัฐให้เกี่ยวข้องกับเรื่องเยาวชน เรื่องสังคม และเรื่องเกี่ยวกับรายได้อุตสาหกรรมด้านกีฬา รวมทั้งเรื่องกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว สปอร์ตทัวริซึ่มก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดียิ่งขึ้น

ทีนี้มาฟังเสียงจากนักกีฬากันบ้าง เริ่มที่ “เอ็ม” วุฒิชัย มาสุข นักชกตัวเก่งทีมชาติไทย กล่าวว่า สิ่งที่นักกีฬาต้องการที่สุด คือ สวัสดิการที่ดีของนักกีฬาทั้งในช่วงฝึกซ้อมและแข่งขัน เพราะจะเป็นกำลังใจที่ดีของนักกีฬา ในช่วงที่ซ้อมไม่สามารถไปหารายได้อย่างอื่นได้ แต่ทุกคนมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ต้องหาเงินมาจุนเจือครอบครัว จุดนี้อยากให้รัฐบาลใหม่เข้ามาดูแลให้นักกีฬาอุ่นใจ รวมทั้งเรื่องของอุปกรณ์การฝึกซ้อมต้องดี เพราะเมื่อทุกอย่างได้มาตรฐาน กำลังใจนักกีฬาดี ผลงานก็ย่อมดีตามไปด้วย

ด้าน “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ นักตบลูกขนไก่สาวไทย มืออันดับ 8 ของโลก กล่าวว่า อยากฝากรัฐบาลชุดใหม่ถึงการซัปพอร์ตนักกีฬา ซึ่งส่วนตัวเองเป็นนักกีฬาก็อยากที่จะได้รับการสนับสนุนที่ดีจากรัฐบาล เพื่อทำให้นักกีฬามีกำลังใจในการแข่งขัน คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี โดยก็ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นประคับประคองอะไรขนาดนั้น แต่บางที่การที่เราได้รับกำลังใจเยอะๆ ก็ถือว่าเป็นสิ่งดีที่สุดแล้ว

“เรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาก็มีส่วนคะ ตอนนี้ถ้าพูดถึงหลายๆ สมาคมกีฬาก็นำหลักวิทยศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วยเยอะ ก็มีอย่าง กกท. และอีหลายฝ่ายที่คอยช่วยเหลือ ทำให้ตัวนักกีฬามีความแข็งแรงค่ะ ซึ่งก็อยากให้ช่วยเข้ามาซัพพอร์ตในเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาให้ได้” น้องเมย์กล่าว

มาที่จอมเตะสาวเบอร์ 1 ของโลกอย่าง “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดสาวทีมชาติไทย บอกว่า อยากให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาช่วยซัพพอร์ตในเรื่องเรียน เรื่องการศึกษา เพราะเราเรียนกันที่มหาวิทยาลัยก็มีความยากๆ กันอยู่แล้ว และยังต้องเล่นกีฬาด้วย ซึ่งหลังจากเลิกเล่นกีฬาแล้วก็ยังจะต้องกลับไปทำงานอื่นๆ เรื่องเรียนจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักกีฬาทีมชาติ ทำให้นักกีฬาจะต้องพยายามเรียนกันเยอะๆ ก็อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยซัพพอร์ตในเรื่องนี้

ปิดท้ายกันที่รุ่นเก๋าอย่าง “ต้น” สนฉัตร รติวัฒน์ นักเทนนิสทีมชาติไทย กล่าวว่า ถ้ามองกันในเรื่องของรายได้นักกีฬาที่หามาได้เมื่อเทียบกับเงินเบี้ยเลี้ยงในการเก็บตัวฝึกซ้อมทีมชาติ ค่อนข้างต่างกัน ถ้ามองในแง่ความคุ้มค่าก็คงไม่คุ้มค่า แต่ทุกคนก็อยากทำหน้าที่เพื่อชาติ อยากติดทีมชาติ จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาเงินเบี้ยเลี้ยงให้นักกีฬาทีมชาติให้เหมาะสมมากขึ้น และเหมาะกับทุกชนิดกีฬา

อีกเรื่องหนึ่ง คือ การที่นักกีฬาที่รับราชการทหารหรือตำรวจ หรือหน่วยงานต่างๆ จะไม่ค่อยมีเวลาเข้าไปปฏิบัติหน้าที่มากนัก ซึ่งผู้บังคับบัญชาส่วนใหญ่ก็เข้าใจดี แต่อยากขอเสนอให้มีการนำนักกีฬาที่รับราชการไปอยู่ในสังกัดกีฬาของหน่วยงานต่างๆ เพื่อจะได้ปฏิบัติหน้าที่ได้ตรงความสามารถและประสบการณ์ที่ตัวเองมีมา เช่นว่า ให้ตัวเองและนักเทนนิสคนอื่นๆ ที่เป็นทหารไปเปิดคลินิกสอนเทนนิสเยาวชนตามต่างจังหวัดที่ห่างไกล เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ หรือทำประโยชน์ที่เกี่ยวกับกีฬา จะทำให้หน่วยงานได้รับประโยชน์และเด็กๆ ก็ได้ความรู้ เทคนิคต่างๆ ด้วย

ก็นับได้ว่าเป็นเสียงจากคนกีฬา ที่หวังว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาจะให้ความสนใจวงการกีฬา และมองเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยพัฒนาประเทศนะขอรับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image