คอลัมน์ เกรียนเขียนบอล : แพ้ทุกทาง

แมตช์เอฟเอคัพ รอบ 5 ระหว่าง เชลซี กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นับเป็นศึกใหญ่ที่จะพิจารณาอนาคตของกุนซือทั้งสองทีมได้เป็นอย่างดี ถ้าเชลซีแพ้ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ก็แทบจะการันตีการตกงานได้เลย เพราะก่อนหน้านี้ผลงานย่ำแย่ แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาเละเทะถึง 0-6 ในขณะที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ โดน ปารีส แซงต์แชร์แมง บุกมาสอนบอลถึงถิ่น 2-0 ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในฝีมือขึ้นบ้างแล้ว หลังจากทำทีมไม่แพ้ใครเลย 11 นัด

จบเกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ โซลชาร์ยังรักษาความเหมาะสมในการเป็นผู้จัดการทีมถาวรของทีมปีศาจแดงในอนาคตเอาไว้อย่างเหนียวแน่น เพราะถึงแม้จะขาดนักเตะสำคัญอย่าง อ็องโตนี่ มาร์ซิยาล และ เจสซี่ ลินการ์ด ที่มีอาการเจ็บไป แต่ก็สามารถคุมเกมเหนือเชลซีได้ และยังบุกไปชนะทีมสิงโตน้ำเงินครามในสแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีด้วย

ตรงกันข้ามกับซาร์รี่ อาการที่โคม่าอยู่แล้ว ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนป่วยที่รอเวลาหมดลมหายใจ ขึ้นอยู่กับว่า โรมัน อับราโมวิช ประธานสโมสร จะสั่งปลดวันไหนก็แค่นั้น เหตุผลเดียวที่ยังไม่มีการสั่งปลดคงเพราะเชลซียังต้องค้นหาแรงบันดาลใจเพื่อรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลคาราบาวคัพ กับแมนฯซิตี้ ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ อับราโมวิชคงมองว่าอย่างน้อย ให้เวลาอีกสัก 1 สัปดาห์ เผื่อมีแชมป์ติดมือ หลังจากนั้นก็ค่อยเชือดก็ไม่ช้าเกินไป หรือถ้าแพ้อีก ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเอาไว้เลยแม้แต่น้อย

แฟนบอลเชลซีตะโกนตำหนิซาร์รี่อย่างรุนแรง ความหมายก็ประมาณว่า “ไอ้ซาร์รี่ เอ็งไม่รู้เลยเหรอว่ากำลังทำอะไรอยู่” เพราะเบื่อหน่ายกับแผน 4-3-3 ที่ไม่ได้ผลอย่างแรงในช่วงหลัง ผลงานการแพ้ 5 นัดหลังสุด ไม่สามารถเจาะประตูใครได้เลย

Advertisement

นอกจากการและผลงานที่แย่แล้ว กุนซืออิตาเลียนยังราดน้ำมันลงไปบนกองไฟด้วยการให้สัมภาษณ์หลังเกมนี้ว่า กังวลกับเรื่องผลการแข่งขันมากกว่าความรู้สึกของแฟนบอลเชลซีเสียอีก

ทำให้ตอนนี้ปัจจัยที่บอกว่าซาร์รี่ไม่เหมาะกับการเป็นผู้จัดการทีมเชลซี ครบถ้วนสมบูรณ์ เหมือนลูกบอลดราก้อนบอลรวมกันครบ 7 ลูกแล้วก็ว่าได้ ทั้งผลงานไม่ดี นักเตะไม่ให้การยอมรับ และแฟนบอลไม่สนับสนุน อย่างไรก็ตามน่าแปลกที่อับราโมวิชยังคงนิ่ง ไม่มีการเขย่าอะไรภายในทีมเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ผลงานของทีมก็แย่อย่างต่อเนื่อง

มองมุมกลับมาที่โซลชาร์ หลังจากที่แมนฯยูแพ้เปแอสเชแล้ว บรรยากาศในห้องแต่งตัวที่ออกมาในหน้าสื่อยังถือว่าอบอุ่น นักเตะออกมาปลุกเร้า ให้กำลังใจกันและกัน รวมกับบุคลิกที่นิ่มๆ และการให้สัมภาษณ์สื่ออย่างเป็นกันเองของกุนซือชาวนอร์เวย์ ต้องยอมรับว่าเขารับมือกับแรงเสียดทานได้ดีกว่าที่คิด

Advertisement

เอฟเอคัพนัดนี้ทำให้เห็นสถานการณ์ที่โคตรตรงข้ามกันของสองกุนซือ ผลงานของทีมเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องจิตวิทยาในการเรียกขวัญกำลังใจของทีม ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ความแข็งแรงของเก้าอี้ผู้จัดการทีมอยู่ในสถานะที่ต่างกัน

ซาร์รี่ไม่ได้แพ้โซลชาร์แค่เกมในสนาม แต่พ่ายแพ้ความสามารถนอกสนามแบบขาดลอย

ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image