สกู๊ปพิเศษ : ‘ตามรอย เจ กับอิเดมิตสึ’ โครงการเพื่อสร้าง ‘ชนาธิป’ คนต่อไป

ต้องบอกได้ว่านักฟุตบอลเยาวชนรุ่นใหม่ๆ ถือว่าเป็นช่วงที่โชคดีไม่น้อย กับการที่ปัจจุบันนี้มักจะมีโครงการให้เยาวชนเหล่านี้ได้มีโอกาสไปเปิดประสบการณ์ต่างประเทศ เพื่อเติมเต็มความฝันกับการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

อย่างเช่นล่าสุดกับโครงการ “ตามรอย เจ กับอิเดมิตสึ” โครงการที่ถูกจัดขึ้นมาโดยมูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย และบริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด ได้ทำการคัดเลือกเยาวชนถึง 60 คนจากทั่วประเทศ ได้เดินตามรอยเท้าของ “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวเตะทีมชาติไทย ที่กำลังเล่นให้กับสโมสร “นกเค้าแมวเมืองเหนือ” คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ทีมในศึก “เมจิ ยาสุดะ เจวันลีก” ลีกสูงสุดแห่งประเทศญี่ปุ่น

“บิ๊กแป๊ะ” นายถิรชัย วุฒิธรรม ประธานมูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย และ ประธานโครงการ “ตามรอย เจ กับ อิเดมิตสึ” เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นของโครงการนี้คือ ดร.ธนศักดิ์ วหาวิศาล ที่ปรึกษา ผู้บริหาร บริษัท น้ำมันอพอลโล (ไทย) จำกัด เล็งเห็นถึงความสำคัญของเหล่าเยาวชนไทยจากทั่วประเทศ จึงจัดกิจกรรมนี้เพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนเหล่านั้น และคาดหวังว่าเยาวชนจะได้ประสบการงณ์ล้ำค่า ในการชมฟุตบอลเจลีกและร่วมฝึกซ้อมเรียนรู้ทักษะของฟุตบอลอาชีพแบบสไตล์ญี่ปุ่น อีกทั้งยังได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในต่างประเทศ รวมถึงการอยู่ร่วมกันในหมู่คณะ

Advertisement

โดยเยาวชนเหล่านี้ได้โอกาสทั้งการเข้าไปชมเกมฟุตบอลเจลีก ในสนามแบบสดๆ แถมเป็นที่นั่งริงไซด์ เห็นการเล่นของไอดอลอย่างชนาธิปแบบชัดๆ ในศึกบิ๊กแมตช์ระหว่าง คอนซาโดเล่ ซัปโปโร กับ อุราวะ เร้ดส์ ไดมอนส์

เอาตรงๆ ว่าขนาดเป็นนักข่าวเอง การได้รับโอกาสไปสัมผัสเกมเจลีกเป็นครั้งแรก ก็ยังรู้สึกตื่นตาตื่นใจ แล้วเด็กอายุแค่ 15-17 ปีหล่ะ จะรู้สึกตื่นเต้นขนาดไหน

“ตี๋” พรชัย คำหลวง นักฟุตบอลเยาวชน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 12 นักเตะของหมูป่า อคาเดมี ที่ติดอยู่ในวนอุทยานถ้ำหลวง ซึ่งผ่านเข้ามาอยู่ในโครงการตามรอยเจ กับอิเดมิตสึ ในการคัดเลือกภาคเหนือ เปิดเผยว่า ตื่นเต้นมากๆ ได้ดูเกมเจลีกที่มีนักเตะไทยอย่างชนาธิป สรงกระสินธ์ ลงเล่นอยู่ เป็นนักเตะที่เพื่อนๆและตัวเองชื่นชอบ

Advertisement

“การเดินทางครั้งนี้เหมือนตัวเองได้มาเปิดประสบการณ์ สร้างแรงบันดาลใจ เพื่อให้พวกเราทุกคนมีความมุ่งมั่นในการจะเป็นนักเตะอาชีพ ก้าวไปสู่การติดทีมชาติไทยเหมือนพี่เจในอนาคต”

อีกหนึ่งโอกาสที่ดีของเด็กๆ เหล่านี้ คือการได้พบปะไอดอลของพวกเขาอย่างใกล้ชิด แถมยังได้รับฟังข้อคิดดีๆ จากนักเตะไทยที่ประสบความสำเร็จในเจลีกอีกด้วย

ชนาธิป พูดว่า การที่ทำให้คนญี่ปุ่นยอมรับได้มันเป็นเรื่องที่สุดยอดมากๆ ทุกคนได้เห็นแล้วว่าฟุตบอลญี่ปุ่นมันเป็นคนละเรื่องกับที่ไทยเลย น้องๆ ทุกคนได้โอกาสดีมากๆ อย่าปล่อยให้มันหลุดมือไปเด็ดขาด เก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีให้ได้

“ดีใจที่น้องๆ ได้เห็นพี่เล่น เสียดายที่ไม่ได้ทำประตูให้ดู แต่อยากให้รู้ว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ต้องซ้อมหนักขนาดไหน เมื่อก่อนก็แค่คนจนๆ คนหนึ่ง แต่ก็พยายามทำให้มี การทำงานหนักมันยังไม่พอ โอกาสก็เป็นสิ่งสำคัญ พี่เองมีโอกาสที่ดี หลายคนมองว่าการมาเจลีกเป็นเรื่องการตลาด แต่ตัวเองไม่ใช่ อยากมาพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งทุกวันนี้เดินไปจุดไหนของซัปโปโรไม่มีใครไม่รู้จัก มันทำให้ภูมิใจอย่างมาก”

อีกสิ่งหนึ่งที่ชนาธิป บอกกับเหล่าเยาวชนของโครงการนี้แล้วติดใจมากๆ คือ อยากให้น้องๆ ทุกคนตั้งใจ พี่อยากเห็นฟุตบอลไทยไปได้ไกลกว่านี้ แต่ถ้าน้องๆ ไม่เก่งกว่าพี่ให้ได้ บอลไทยก็จะไปไม่ไกลหรอก ทุกวันนี้ประเทศเพื่อนบ้านเริ่มพัฒนามาเก่งกว่าไทยแล้ว ตัวเองก็รู้สึกเจ็บใจว่าทำไมทีมชาติไทยไม่พัฒนา ดังนั้นอยากฝากน้องๆ ทุกคนช่วยกัน ขอให้โชคดีกับสิ่งที่น้องๆ รัก แล้วถ้าน้องๆ รักมันจริงๆ สักวันมันจะกลับมารักเราเช่นกัน

เท่านั้นยังไม่พอ นักเตะเยาวชนทั้ง 60 คน ยังได้มีโอกาสเข้าชมการซ้อมของทีมคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ที่มิยาโนซาว่า ชิโรอิ โคยบิโตะ ฟุตบอล สเตเดียม สนามซ้อมของทีมนกเค้าแมวเมืองเหนือ ก่อนจะได้รับประสบการณ์อันยอดเยี่ยมจากการฝึกซ้อมโดยทีมสต๊าฟโค้ชของคอนซาโดเล่ ซัปโปโร อีกด้วย

ซึ่งภายหลังจากการฝึกซ้อม คานาฮามะ มาซะอากิ หนึ่งในสต๊าฟโค้ชของคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการฝึกซ้อม ให้ความเห็นว่าเหล่าเยาวชนไทยนั้นมีความตั้งใจจริงในการฝึกซ้อม มีเบสิกที่ดี และมีศักยภาพทุกคน แต่ก็ยังมีจุดบกพร่องในเรื่องของการจ่ายบอลจังหวะสุดท้ายเพื่อทำประตูที่ต้องแม่นยำมากกว่านี้

ขณะที่นายฮิโรคัตสึ มิคามิ ผู้จัดการทั่วไปของทีมนกเค้าแมวเมืองเหนื ให้การชื่นชม “โอม” วิชชากร แสนเหวิม หนึ่งในนักเตะของโครงการ ว่าเป็นนักเตะที่มีศักยภาพที่ดี จับบอล เปลี่ยนทิศทาง หรือไปกับลูกฟุตบอลได้เนียนตา อีกทั้งมีความมุ่งมั่นในการเล่นมากกว่าเพื่อนในรุ่นเดียวกัน ซึ่งจะคอยดูพัฒนาการของนักเตะรายนี้ และถ้ามีโอกาสก็จะเชิญมาฝึกซ้อมร่วมกับทีมคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ในอนาคตแน่นอน

ซึ่งผู้ที่ถูกชมอย่าง วิชชากร ก็รู้สึกภูมิใจกับคำชมนี้ และพร้อมจะรักษาผลงานเพื่อพัฒนาตัวเองต่อไปให้ดีขึ้นในอนาคต

ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เยาวชนไทยได้รับคำชมจากผู้บริหารระดับเจลีก ซึ่งน่าจะเป็นใบเบิกทางที่ดีให้กับเยาวชนเหล่านี้ในอนาคต

บิ๊กแป๊ะ เผยว่า สำหรับโครงการนี้นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เด็กๆ ได้ชมเกมเจลีก และยังได้ฝึกซ้อมเทคนิคกับซัปโปโร ซึ่งทุกคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างมากๆ และชนาธิปก็เป็นตัวอย่างให้เด็กๆ ได้เป็นอย่างดี 2 ปีก่อนที่ทำโครงการแบบนี้ ชนาธิปยังลุ่มๆ ดอนๆ ไม่รู้จะได้ลงสนามหรือไม่ แต่คราวนี้กลายเป็นตัวหลักแล้ว ทุกคนรู้จักเขามากขึ้น หวังว่าโครงการนี้จะช่วยสร้างความมุ่งมั่นให้เยาวชนพัฒนาตัวเองเป็นอย่างชนาธิปในอนาคต ถือว่าโครงการนี้มาได้ถูกทาง และพร้อมจะให้โอกาสเด็กในรุ่นต่อๆ ไป

อย่างไรก็ตาม โครงการนี้จะไม่ได้ประโยชน์ถ้าหากว่าไม่มีการต่อยอดอีก ซึ่งที่ได้ยินมาก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีๆ เพราะว่าน้องๆ เยาวชนเหล่านี้ จะมีโอกาสเข้าไปคัดเลือกเพื่อเป็นนักเตะเยาวชนในสโมสรไทยลีกอีกด้วย

อย่างที่บอกไปว่านักเตะรุ่นนี้ถือว่าโชคดีที่วิ่งเข้าหาโอกาส และก็ได้รับโอกาสเข้ามาหาตัวเอง ดังนั้นสิ่งที่ต้องรักษาเอาไว้คือความมุ่งมั่นพากเพียร เหมือนอย่างที่ชนาธิป ได้บอกกับน้องๆ อีกเช่นกันว่า ทุกคนสรีระดีกว่าทั้งนั้น ถ้าตั้งใจจริง ก็จะเป็นนักเตะที่เก่งกว่าได้

ฉะนั้นมุ่งหน้า ก้าวต่อไปกับเส้นทางที่ตัวเองชอบ โอกาสจะเป็นชนาธิป 2, ชนาธิป 3 มันอยู่ไม่ไกลแน่นอน

ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image