สกู๊ปพิเศษ ‘ระยอง คิกออฟ’ ดวลแข้งวิถีใหม่ ต้นแบบ ‘ไทยลีก’
ช่วงรอบเดือนที่ผ่านมาทุกภาคส่วนต่างร่วมกันช่วยเหลือฟื้นฟูจังหวัดระยองให้กลับมาสู่ภาวะปกติจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยทาง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษ ที่สนามกีฬากลางจังหวัดระยอง เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว และคนไทยทั้งประเทศ
ฟุตบอลนัดพิเศษจัดขึ้นภายใต้ชื่อว่า “นิว นอร์มอล เดมอนสเตรชั่น แมตช์ : ระยอง คิกออฟ” เพื่อสร้างความเชื่อมั่น รวมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวจังหวัด โดยเน้นการจัดกิจกรรมรูปแบบวิถีใหม่ของการจัดการแข่งขันฟุตบอลในแบบนิว นอร์มอล ซึ่งบรรดาแฟนบอลชาวไทยต่างไม่ค่อยคุ้นชินกันเท่าไรนัก
การแข่งขันแบ่งเป็น 2 คู่ คู่แรก วีวีไอพี รัฐบาล นำทีมโดย พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงสนามพบ รวมดารา สตาร์ไรเดอร์ นำโดย “เต๋า” สมชาย เข็มกลัด, “เกรท” วรินทร ปัญหกาญจน์ และ “กิก” ดนัย จารุจินดา
ขณะที่คู่ที่สองเป็นพบกันของ 2 สโมสรในศึกฟุตบอลไทยลีก 2020 ระหว่าง “ม้านิลมังกร” ระยอง เอฟซี ลงฟาดแข้งกับ “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี ซึ่งนอกจากจะเป็นสร้างมั่นใจให้กับจังหวัดแล้วยังจะเป็นต้นแบบสำหรับการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพของไทยตามระเบียบของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. อีกด้วย
“ระยอง คิกออฟ” ถือเป็นการจัดแข่งขันกีฬาที่มีผู้ชมในสนามเป็นรายการแรกนับตั้งแต่เกิดสถานกาณ์โควิด-19 ในเมืองไทย โดยเปิดให้มีแฟนบอลเข้าชมเกมในสนามได้ไม่เกิน 1 ใน 4 ของความจุสนามคือ 2,500 คน จากความจุ 10,000 ที่นั่ง พร้อมกับวางมาตรการจัดอย่างเคร่งครัดตามระเบียบของ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข
ก่อนการแข่งขันได้มีเจ้าหน้าที่ฉีดพ่นฆ่าเชื่อ เพื่อทำความสะอาดพื้นที่ต่างๆ ภายในสนาม ขณะที่แฟนบอล เจ้าหน้าที่ สื่อมวลชน และผู้เกี่ยวข้องทุกคนจะต้องตรวจคัดกรองอุณหภูมิร่างกายบริเวณด้านหน้าทางเข้าสนาม พร้อมกับจะต้องลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” ก่อนเข้าสู่ภายในสนามทุกครั้งในการเข้า-ออก โดยแฟนบอลจะต้องนั่งตรงที่นั่งที่ระบุเอาไว้ในตั๋วเข้าชมเท่านั้น ซึ่งได้มีการจัดที่นั่งแบบเว้นระยะห่าง 1 ใน 4 ความจุของสนาม
ขณะที่การเข้าชมการแข่งขันแฟนบอลสามารถนั่งรวมกลุ่มกันได้ไม่เกิน 4 คน แต่ละกลุ่มจะต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร โดยแฟนบอลต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาชมการแข่งขัน ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้สามารถส่งเสียงเชียร์ได้ด้วยระดับเสียงปกติ แต่งดการสัมผัสอย่างใกล้ชิด รวมทั้งแฟนบอลไม่สามารถนำอุปกรณ์เชียร์ทุกชนิดเข้าสู่สนามได้
ด้านเจ้าหน้าที่ ผู้เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนต่างๆ มีแนวทางการคัดกรอง และข้อปฏิบัติเช่นเดียวกัน โดยจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่ฝ่ายจัดกำหนดให้เท่านั้น และให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร รวมไปถึงการตั้งอุปกรณ์กล้องต่างๆ อีกทั้งยังให้งดเว้นการสัมผัสใกล้กับนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ทีมในการติดต่อ และการสัมภาษณ์อีกด้วย
ซึ่งการจัดฟุตบอลนัดพิเศษนี้จะกลายเป็น “โมเดล ระยอง คิกออฟ” ต่อยอดเป็นต้นแบบสำหรับการจัดฟุตบอลไทยลีก 2020 ที่กำลังจะกลับมาฟาดแข้งอีกครั้งในวันที่ 12 กันยายน
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า การจัดฟุตบอลระยอง คิกออฟ เป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุข และ ศบค. กำหนด โดย กกท. จะออกคู่มือการแข่งขันสำหรับการจัดแข่งขันกีฬาแบบเปิดให้แฟนบอลเข้าชมการแข่งขันภายใต้มาตรฐานที่ ศบค. กำหนด
“กิจกรรมครั้งนี้เป็นการยืนยันว่าระยองมีความใสสะอาด บริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็น ปราศจากเชื้อโควิด-19 รวมทั้งการแข่งขันฟุตบอลแมตช์นี้ถือเป็นการทดสอบก่อนที่ฟุตบอลไทยลีก 2020 จะกลับมาแข่งขันจริงอีกครั้งช่วงเดือนกันยายน การจัดแบบนิวนอร์มอลจะมีผู้ชมในสนามได้เท่าไหร่ และจะนำเอาโมเดลนี้มาใช้ในการจัดแข่งขันกีฬาแบบนิวนอร์มอลต่อไปในอนาคตกับ ทั้งฟุตบอล และอีกหลายชนิดกีฬา” รมว.กีฬากล่าว
รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเพิ่มว่า หากจัดตาม “โมเดล ระยอง คิกออฟ” ครั้งนี้ ไม่มีผลกระทบเกี่ยวกับการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มเติมขึ้นมาอีกระลอกมีความเป็นไปได้ที่ในการแข่งขัน “รีสตาร์ท ไทยลีก 2020” วันที่ 12 กันยายน เราอาจจะสามารถเปิดให้แฟนบอลเข้าชมเกมในสนาม แต่ยังคงต้องมีมาตรการคุมเข้ม และการเว้นระยะห่างทางสังคมเช่นเดียวกัน
ขณะที่ ดร.สาธิต ปิตุเดชะ รมช.การกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันเช่นกันว่า การจัดฟุตบอลครั้งนี้ถือเป็นโมเดลที่ดีสำหรับฟุตบอลไทยลีก 2020 ในการเปิดให้มีแฟนบอลเข้าร่วมชม ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเตรียมการมาอย่างยาวนาน เพื่อให้โมเดลนี้ถูกยึดไว้เป็นต้นแบบของการจัดกีฬาแบบนิวนอร์มอล
“วันนี้เราประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งการรักษาระยะห่างระหว่างแฟนบอล และสวมหน้ากากอนามัยเข้าชม ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการจัดฟุตบอลต่อไปหลังจากนี้ และถือเป็นต้นแบบที่ดีในการมีแฟนบอลเข้าชมหลังจากที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากมากมาย เราก็ได้ให้ความสำคัญ และจะพยายามเรียกความเชื่อมั่นและความศรัทธาจากประชาชน” รมช.สาธารณสุขกล่าว
หลังจากนี้ทาง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) โดยผู้ว่าการ ดร.ก้องศักด ยอดมณี จะเร่งทำรายงานสรุปจากการจัดแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษ ระยอง คิกออฟ เพื่อส่งเรื่องผ่านทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปยัง ศบค.ทันที พื่อหารือกันถึงแนวทางจัดแข่งขันแบบมีผู้ชมในสนามได้ หลังจากนั้น ศบค.คงจะใช้เวลาอีกไม่นาน เพื่อประกาศปลดล็อกให้มีผู้ชมในสนามได้ ซึ่งคาดว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้นก่อนเดือนกันยายนนี้
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ระบุว่า ถือเป็นบรรยากาศแง่ดีที่ได้เห็นการแข่งขันกีฬาอีกครั้ง ซึ่งฟุตบอลรายการนี้ถือเป็นการจัดแบบมีผู้ชมในสนามเป็นครั้งแรกหลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยจะเป็นการทดสอบระบบต่างๆ ที่จะนำไปใช้ในการจัดฟุตบอลไทยลีก 2020 เดือนกันยายนนี้ ซึ่งทำทุกอย่างเหมือนจัดแข่งขันจริง โดยมีการตรวจโควิด-19 ในนักฟุตบอลก่อนแข่งขัน 72 ชั่วโมง ทำความสะอาดพื้นที่ และจัดสรรบริเวณส่วนต่างๆ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด
“ต้องยอมรับว่าการจัดฟุตบอลห่างหายไปนาน ทำให้กระแสตอบรับดี และมีแฟนบอลผู้สนใจลงทะเบียนเข้าชมเกมนัดนี้จำนวนมาก แต่เราจำเป็นต้องจำกัดจำนวน เพื่อทดสอบระบบ แต่ถ้าทุกอย่างลงตัวในฟุตบอลไทยลีกอาจจะสามารถให้คนดูเข้าชมในสนามได้มากกว่านี้ก็เป็นได้” ดร.ก้องศักดกล่าว
อย่างไรก็ตาม “ระยอง คิกออฟ” ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นนำทัพโดย 3 รัฐมนตรีลงพื้นที่มาสร้างความเชื่อมั่นให้กับจังหวัดระยองแล้ว ยังจะใช้เป็นโมเดลต้นแบบนำไปสู่การจัดฟุตบอลไทยลีก 2020 แบบเปิดให้มีผู้ชมเข้าในสนามได้ รวมถึงต่อยอดไปจนถึงกีฬาชนิดต่างๆ ต่อไปในอนาคต เพื่อให้เกมกีฬากลับมามีสีสันเช่นเดิมภายในรูปแบบวิถีใหม่
แม้แฟนบอลชาวไทย และแฟนวงการกีฬาต่างๆ อาจจะยังไม่คุ้นชินกับการจัดกีฬาในรูปแบบ “นิวนอร์มอล” แต่ทุกคนจำเป็นจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่อเป็นการร่วมมือกันฝ่าวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ไปด้วยกัน
รวมไปถึงการร่วมใจกันผลักดันให้วงการกีฬาไทยกลับมาสร้างรอยยิ้ม และความสุขให้กับคนไทยในช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบาก
เพราะเราจะผ่านวิกฤต “โควิด-19” ไปด้วยกัน…