สกู๊ปพิเศษ : ลา มาเซีย ตายไปแล้วหรือ?

PHOTO : www.fcbarcelona.com

สกู๊ปพิเศษ : ลา มาเซีย ตายไปแล้วหรือ?

ลา มาเซีย คือหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคนที่หลงรัก บาร์เซโลน่า สโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดสโมสรหนึ่งของโลก

ลา มาเซีย คือ โรงเรียน ศูนย์เพาะบ่มนักเตะเวิลด์คลาสมากมาย ขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของบาร์ซ่าอย่างน่าทึ่ง เพราะเป็นศูนย์ฝึกเดียวของโลกใบนี้ที่สามารถสร้างแคนดิเดทชิงรางวัลบัลลงดอร์ทั้ง 3 คนในปีเดียวกันได้ นั่นคือ ลิโอเนล เมสซี่, อันเดรส อิเนียสต้า และ ชาบี้ เอร์นานเดซ เมื่อปี 2010

สถานที่แห่งนี้ถูกใช้ในการเป็นอคาเดมีของบาร์ซ่าตั้งแต่ปี 1972 สร้างนักเตะดังมากมายประดับวงการลูกหนัง และน่าทึ่งไปกว่านั้น ในเกมลาลีก้า สเปน เดือนธันวาคม ปี 2012 บาร์เซโลน่าออกไปเยือนเลบานเต้ และนักเตะตัวจริง 11 คนของทีมเจ้าบุญทุ่ม เติบโตมาจากลา มาเซียทั้งหมด

Advertisement

บิคตอร์ บัลเดส, มาร์ติน มอนโตย่า, เฆราร์ด ปิเก้, การ์เลส ปูยอล, ฆอร์ดี้ อัลบ้า, เซร์คิโอ้ บุสเก็ตส์, ชาบี้ เอร์นานเดซ, เชสก์ ฟาเบรกาส, เปโดร, อันเดรส อิเนียสต้า และ ลิโอเนล เมสซี่ ในม้านั่งสำรองก็มีนักเตะจากลา มาเซียอีกหลายคนที่รอลงสนามอยู่ เกมนั้นบาร์ซ่าเวอร์ชั่นเด็กปั้นเอาชนะไปได้ 4-0 นับเป็นความสำเร็จของสโมสรที่ทุ่มแรงกายแรงใจทำงานกันมานาน

ลา มาเซีย เดิมตั้งอยู่ในฟาร์มเก่าและปรับปรุงมาใช้เป็นศูนย์ฝึกซ้อมของเยาวชน จนถึงปี 2011 บาร์ซ่าได้ย้ายศูนย์ฝึกมาที่ศูนย์โฆอาน กัมเปร์ ที่ทันสมัยและกว้างใหญ่กว่าลา มาเซีย นักเตะใรทุกระดับทั้งเยาวชน, บาร์ซ่า บี, บาร์ซ่าชุดใหญ่ ต่างฝึกซ้อมในสถานที่เดียวกัน ข้างๆ ศูนย์ฝึกมีเอสตาดี้ โยฮัน ครัฟฟ์ สนามแข่งขันความจุ 6,000 ที่นั่ง เป็นสนามเหย้าของทีมหญิงบาร์ซ่า และบาร์ซ่า บี ในยามลงเล่นเกมลีก

ถึงจะย้ายไปยังที่ที่ใหญ่กว่า ทันสมัยกว่า แต่ถ้าพูดถึงแหล่งเจียระไนหินให้เป็นเพชรของบาร์ซ่า ทุกคนยังเรียกมันว่า “ลา มาเซีย” อยู่ดี

Advertisement

“เมื่อปี 2010 ที่นักเตะจากลา มาเซีย 3 คน มีชื่อลุ้นบัลลงดอร์พร้อมกัน มันคือประวัติศาสตร์ที่จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกในโลกฟุตบอล” ฆอเม่ ญอปิส อดีตนักฟุตบอลและเพื่อนสนิทของ โยฮัน ครัฟฟ์ กล่าวเอาไว้

อย่างไรก็ตาม ถ้ามาดูสภาพทีมบาร์เซโลน่ายุคปัจจุบันที่มีนักเตะนำเข้ามากมาย และดาราดังหลายคนที่เติบโตมาจากลา มาเซีย ต่างร่วงโรยกันไปแล้ว เหมือนกับว่าลา มาเซีย ผลิตเพชรขึ้นมาป้อนให้ทีมชุดใหญ่ได้ไม่ทัน

หลายปีหลังมีคำถามตามมาว่า ลา มาเซีย ตายไปแล้วหรือ?

หนึ่งในโค้ชเยาวชนที่ทำงานให้กับทั้งบาร์เซโลน่าและเอสปันญ่อล ที่ไม่ขอเปิดเผยตัวบอกว่า “บาร์ซ่าได้ลืมความหมายของลา มาเซีย ที่เคยเป็นไปแล้ว นั่นคือ การค้นหาดาวรุ่งฝีเท้าดีในคาตาลัน, สเปน และทั่วโลก เหมือนที่เคยได้เมสซี่มาจากอาร์เจนตินา และนักเตะเหล่านี้พร้อมจะเล่นไปในทิศทางเดียวกันเมื่อได้รับโอกาสให้ลงสนาม”

ฆอร์ดี้ ควิซาโน่ นักข่าวของเอล ปาอิส สื่อท้องถิ่นแคว้นคาตาลัน บอกว่า การที่บาร์ซ่าสูญเสียอัตตลักษณ์ของตัวเองไป เพราะผู้บริหารไม่ได้มองถึงการสร้างความสำเร็จในระยะยาว ไม่เคารพในปรัชญาของลา มาเซีย และไม่แน่ใจว่าบาร์ซ่าจะทวงมันกลับมาได้หรือไม่ เพราะทุกวันนี้สถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนไปแล้ว บาร์ซ่าไม่นิยมใช้นักเตะดาวรุ่ง ทำให้ทีมในอังกฤษที่มีเงินมหาศาลพร้อมจะจ่ายเงินเพื่อดึงเด็กเหล่านี้ไปสร้างต่อ ที่สำคัญนักเตะชุดใหญ่หลายคนก็รับค่าเหนื่อยสูงมาก ในปี 2018 บาร์ซ่าเป็นสโมสรฟุตบอลที่ต้องจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะมากที่สุดในโลก ซื้อนักเตะค่าตัวแพงติดอันดับโลกมาตลอด แม้แต่ค่าเหนื่อยของเมสซี่เองก็ยังไม่สมดุลย์กับคนอื่นๆ ในทีม

ญอปิสชี้ให้เห็นปัญหาของการไม่มีดาวรุ่งมาเสริมทีมบาร์ซ่ามากนัก มาจากการที่บาร์ซ่าเคยผิดกฎการซื้อนักเตะอายุไม่เกิน 18 ปี มาร่วมทีม จนโดนแบนห้ามซื้อนักเตะไป 14 เดือน นักเตะฝีเท้าดีย้ายออก และไม่สามารถเซ็นใครมาเพิ่มได้ ทำให้ทีมบีเจอกับช่วงเวลาย่ำแย่

มาโนโล่ มาร์เกซ โค้ชชาวคาตาลันที่ปัจจุบันอยู่กับลาส พัลมาส แสดงความคิดเห็นว่า บาร์ซ่าไม่ใช่เชลซีที่สามารถลองใช้ดาวรุ่งแล้วจบอันดับ 4 ในลีกได้ แต่บาร์ซ่าต้องจบอันดับ 1 เท่านั้น ต้องเป็นแชมป์ลาลีก้า และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกให้ได้ ส่วนทีมบาร์ซ่า บี ก็ร่วงลงไปเล่นในดิวิชั่น 3 มาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว และยังไม่กลับขึ้นมาในลีก้า บี แต่ตอนนี้ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น เพราะการได้ ชาบี้ การ์เซีย ปิเมียนต้า โค้ชเยาวชนขยับขึ้นมาดูแลทีมบี เนื่องจากโค้ชรายนี้เข้าใจปรัชญาของสโมสร และสามารถพาทีมเยาวชนคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูธลีก เมื่อปี 2018 ได้มาแล้ว

บาร์ซ่าอยู่ในสถานการณ์เดียวกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ซื้อนักเตะแพงๆ มาร่วมทีม แต่เสียนักเตะดาวรุ่งเจ๋งๆ ให้ทีมอื่นด้วยเงินตอบแทนที่ต่ำมาก เจดอน ซานโช่ ย้ายออกจากแมนฯซิตี้ด้วยค่าตัวไม่กี่ล้านปอนด์ แต่ตอนนี้ดอร์ทมุนด์กำลังจะขายเขาราคามากกว่า 100 ล้านปอนด์ ต่างจากอาแจ็กซ์ ที่สามารถใช้งานนักเตะจากอคาเดมีได้ทั้งในสนาม และเมื่อขายออกไปก็ได้ค่าตัวมหาศาล

โจเซฟ บาร์โตเมว ประธานสโมสรคนปัจจุบันถูกวิจารณ์ทั้งจากนักเตะและแฟนบอลว่าบริหารงานผิดพลาดมากมาย เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เมสซี่ประกาศจะลาทีมไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามในปีหน้าจะมีการเลือกตั้งประธานสโมสรคนใหม่ การคืนชีพลา มาเซีย ให้กลับมาเป็นพื้นที่สร้างยอดนักเตะให้ได้ เป็นนโยบายเร่งด่วนที่หัวเรือคนใหม่จะต้องทำไปพร้อมๆ กับพาทีมให้ก้าวต่อไปได้ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 กำลังป่วนไปทั่วโลก

ครัฟฟ์เคยบอกไว้ว่า “ไม่มีเหรียญรางวัลใดยิ่งใหญ่ไปกว่าการสรรเสิรฐความเป็นตัวเอง”

ถ้าจิตวิญญาณของบาร์ซ่าคือ คัมป์นู ความเป็นตัวเองก็คงหนีไม่พ้น ลา มาเซีย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image