การแข่งขันว่ายน้ำ วันรองสุดท้ายของศึกโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่นครรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ฮือฮาระดับโลกขึ้นมา เมื่อ โจเซฟ สคูลลิ่ง ฉลามหนุ่มวัย 21 ปี แตะขอบสระเป็นอันดับ 1 คว้าแชมป์ผีเสื้อ 100 เมตรชายไปครอง เป็นเหรียญทองแรกในประวัติศาสตร์การเข้าร่วมโอลิมปิกของประเทศสิงคโปร์
ถือเป็นบทสรุปที่ช็อกโลกพอสมควร เนื่องจากสื่อและแฟนๆ ส่วนใหญ่คาดว่า ไมเคิล เฟลป์ส ฉลามหนุ่มเจ้าของสถิติ 22 เหรียญทองโอลิมปิกชาวอเมริกันจะได้ทองที่ 23 มาคล้องคอเป็นการส่งท้ายการแข่งขันประเภทบุคคลของตัวเอง
แต่แม้จะไม่ได้เป็นอันดับ 1 เฟลป์สก็ยังมีช่วงเวลาและความทรงจำดีๆ กับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ เนื่องด้วยเฟลป์สได้ครองเหรียญเงินร่วมกับคู่แข่งคนสำคัญถึง 2 คน คือ แชด เล คลอส จาก แอฟริกาใต้ และ ลาซโล่ เชห์ จาก ฮังการี หลังจากทั้ง 3 คนทำเวลา 51.14 วินาทีเท่ากัน เป็นรองสคูลลิ่งที่ทำลายสถิติโอลิมปิกอยู่ 0.75 วินาที
บรรยากาศในพิธีรับเหรียญรางวัลจึงกลายเป็นความชื่นมื่นและภาพชวนอมยิ้ม เมื่อทั้ง 3 นักว่ายน้ำชื่อดังผู้เป็นคู่แข่งร่วมยุคจับมือกันตลอดเวลา ก่อนขึ้นโพเดียมเพื่อรับเหรียญ
อันที่จริงการครองเหรียญรางวัลร่วมกันในมหกรรมกีฬาต่างๆ ซึ่งรวมถึงโอลิมปิกเกมส์นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาที่ใช้วิธีให้คะแนนจากสายตาอย่างยิมนาสติก (ก่อนจะปรับกฎการคิดคะแนนให้ซับซ้อนขึ้นจนยากจะทำคะแนนเท่ากันในปัจจุบัน)
อย่าว่าแต่ครองเหรียญร่วม 2 หรือ 3 คน แม้แต่ 4 คนก็เคยมีมาแล้วในโอลิมปิกเกมส์ปี 1984 ที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อ หลี่ หนิง จากจีน, มิตเชล เกย์ลอร์ด จากสหรัฐ และ 2 นักยิมนาสติกญี่ปุ่น โคจิ กูชิเคน กับ ชินจิ โมริสุเอะ ต่างทำได้ 19.825 คะแนน ในอุปกรณ์ม้ากระโดด จนได้แชร์เหรียญเงินร่วมกัน ปล่อยให้ หลู หยุน ของจีนเดียวดายรับเหรียญทองอยู่คนเดียว
ส่วนการแข่งขันกรีฑาประเภทลาน โอกาสการแชร์เหรียญถือเป็นเรื่องปกติในประเภทกระโดดสูงและกระโดดค้ำ เนื่องจากบ่อยครั้งที่นักกีฬากระโดดผ่านระดับความสูงเท่ากัน ด้วยจำนวนครั้งเท่ากัน ซึ่งคราวที่แชร์เหรียญมากกว่า 2 คือกีฬากระโดดสูงใน “ลอนดอนเกมส์” ปี 2012 ซึ่ง ดีเร็ก ดรูอิน (แคนาดา), ร็อบบี้ กราบาร์ซ (สหราชอาณาจักร) และ มูทาซ เอสซา บาร์ชิม (กาตาร์) เคลียร์ความสูงได้ที่ 2.29 เมตรเท่ากัน จึงคว้าเหรียญทองแดงร่วมไปครอง
แต่ถ้าเป็นกรีฑาประเภทลู่หรือว่ายน้ำซึ่งต้องอาศัยสถิติแล้ว โอกาสที่จะแชร์เหรียญนั้นยากกว่า โดยเฉพาะการแข่งขันวิ่งที่มี “โฟโต้ฟินิช” หรือภาพถ่ายจังหวะเข้าเส้นชัยเป็นตัวชี้วัดว่านักกีฬาคนไหนเข้าถึงเส้นชัยก่อนกัน
ส่วนกีฬาว่ายน้ำ เกิดเหตุการณ์ครองเหรียญร่วมขึ้นครั้งแรกเมื่อ 30 ปีที่แล้วในโอลิมปิกที่ลอสแองเจลิส ซึ่ง คาร์รี่ สไตน์ไซเฟอร์ กับ แนนซี่ ฮอกส์เฮด สองเงือกสาวทีมชาติสหรัฐ แตะขอบสระพร้อมกันในการแข่งขันฟรีสไตล์ 100 เมตรหญิง ด้วยเวลา 55.92 วินาที จึงทำให้เจ้าภาพได้เหรียญทองเพิ่มขึ้น 2 เหรียญจากอีเวนต์ดังกล่าว
ตอนที่ทั้งคู่ทำเวลาเท่ากันแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ก็มีการถกเถียงกันว่าน่าจะให้แข่งกันใหม่เพื่อหาผู้ชนะที่แท้จริง แต่ผู้รับผิดชอบพิจารณาแล้วเห็นว่าการแข่งใหม่ทำให้นักกีฬาต้องรับภาระมากเกินไป อาจเสี่ยงให้เกิดอันตราย จึงให้ครองเหรียญร่วม และกลายเป็นบรรทัดฐานมานับแต่นั้น
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน กีฬาโอลิมปิกเกมส์ฤดูร้อนมีการครองเหรียญทองร่วม (ทุกชนิดกีฬา) รวมแล้ว 26 ครั้ง โดยครั้งที่อื้อฉาวที่สุดคือการแข่งขันระบำใต้น้ำประเภทเดี่ยว (ปัจจุบันยกเลิกแล้ว) ที่นครบาร์เซโลน่าในปี 1992 โดยตอนนั้น เคอร์สเท่น บ๊าบบ์-สเปรก ของสหรัฐคว้าเหรียญทอง แต่ในเวลาต่อมามีการประกาศว่ากรรมการทำหน้าที่ผิดพลาด และขยับซิลวี่ เฟรเช็ตต์ จากแคนาดาขึ้นมาครองแชมป์ร่วมกัน
สำหรับการครองเหรียญร่วม 3 คนในโอลิมปิกเกมส์ไม่ว่าฤดูร้อนหรือฤดูหนาวนั้นเกิดขึ้นมาแล้ว 20 ครั้ง โดยหนล่าสุดต้องย้อนหลังไปเมื่อ 52 ปีที่แล้วในโอลิมปิกเกมส์ฤดูหนาวปี 1968 ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีนักกีฬาสปีดสเก๊ตหญิงชาวอเมริกันเข้าเส้นชัยพร้อมกัน 3 คนในระยะ 500 เมตร โดยตอนนั้นการจับเวลายังคิดด้วยหน่วย 1 ส่วน 10 วินาที ไม่ใช่ 1 ส่วน 100 วินาทีเหมือนในปัจจุบัน ทั้ง 3 คนจึงครองเหรียญเงินร่วมกัน
ส่วนสระรีโอเกมส์ครั้งนี้ นอกเหนือจากกรณีของเฟลป์ส-เชห์-เด คลอสแล้ว การครองเหรียญร่วมอื่นๆ ในกีฬาว่ายน้ำคือ ฟรีสไตล์ 100 เมตรหญิง
ซึ่ง ซีโมน มานูเอล จากสหรัฐ กับ เพนนี โอเล็กเซียก จากแคนาดา ทำเวลาเท่ากันที่ 52.70 วินาที และกรรเชียง 100 เมตรหญิง ที่ ไคลี่ แมส ของแคนาดา กับ ฟุ หยวนฮุ่ย ของจีนแชร์เหรียญทองแดงกัน
กรณีหลังกลายเป็นประเด็นฮือฮาในโลกอินเตอร์เน็ต เนื่องด้วยสาวหมวยไม่รู้ตัวว่าได้เหรียญ กระทั่งนักข่าวบอก จึงมีปฏิกิริยาทั้งฮาและทั้งน่ารักน่าเอ็นดูออกมา
จนเธอกลายเป็นขวัญใจชาวเน็ตทั่วโลกในชั่วข้ามคืน
