คอลัมน์ เกรียนเขียนบอล By Stivie T : หนังม้วนเดิมๆ

คอลัมน์ เกรียนเขียนบอล By Stivie T : หนังม้วนเดิมๆ

คงต้องเรียกว่ายูโรเปี้ยน​ ซุปเปอร์ลีก เป็นได้เพียงพลุที่เหมือนจะส่องสว่างขึ้นมา แต่ก็ได้แค่ชั่วพริบตา ก่อนจะจางหายไปในความมืด

ระยะเวลารวมราวๆ 48 ชั่วโมงเท่านั้น นับจากการเริ่มแถลงก่อตั้งยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ลีก ออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ตอนนี้กระจัดกระจาย สลายโต๋กันไปหมดแล้ว

ว่ากันตามหลักนี่คือเรื่องของคนรวยทะเลาะกันโดยเอาชาวบ้านมาเป็นตัวประกัน

จุดประสงค์หลักๆ ของการที่ 12 ทีม คิดตั้งตัวเป็นใหญ่ แยกออกมาตั้งรายการแข่งขันของตัวเอง เพื่อเม็ดเงินมหาศาล ก็เพียงเพราะว่าผู้บริหารหลักอย่างสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ไม่สามารถแบ่งสรรปันส่วนเงินจากรายการใหญ่อย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นที่น่าพอใจ

Advertisement

ไหนจะเตรียมแผนงานใหม่ เพิ่มจำนวนทีมมากขึ้น โดยที่ไม่มีการพูดถึงเงินที่จะมากขึ้นแต่อย่างใด ยิ่งจะส่งผลให้ส่วนแบ่งเงินต่างๆ มันลดลงไปอีก เลยทำให้พี่เบิ้มในวงการยอมกันไม่ได้

เพียงแต่การเดินหมากของพี่เบิ้มทั้ง 12 ทีม ก็ถือว่าผิดพลาด เพราะต้องยอมรับว่านี่คือระเบิดตูมใหญ่ ที่ต้องหาทางหนีทีไล่ดีๆ ก่อนจะวาง ไม่เช่นนั้นมันก็จะออกมาแบบนี้คือสุดท้ายกลายเป็นระเบิดฆ่าตัวเอง

ด้วยหลักการของยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ลีก ต้องบอกว่าพวกเขาเห็นแก่ตัวมากเกินไป กับรายการที่มีทีมยืนพื้นถึง 15 ทีม มีทีมอื่นมาสับเปลี่ยนแค่ 5 ทีม มันจะทำลายระบบฟุตบอลโดยรวม โดยเฉพาะฟุตบอลลีกที่ต่อไปในอนาคต ทีมเหล่านี้อาจจะไม่สนใจก็ได้ เพราะยังไงก็มีถ้วยใหญ่ให้เล่นอยู่ดี

Advertisement

แล้วหมากเกมนี้ต้องบอกว่ายูฟ่าเล่นได้ดีกว่า เพราะพี่แกโยนข่าวออกมาก่อนเลยว่า “เฮ้ย! กำลังจะมีกบฏ 12 ทีมทำแบบนี้นะ ต้องรีบต่อต้าน” สร้างกระแสดึงแฟนบอลมาอยู่ฝั่งเดียวกับตัวเองได้ก่อน

เพราะอย่างที่รู้กันว่าสโมสรฟุตบอลอยู่ได้ก็ด้วยแฟนบอล เมื่อโดนกระแสจากแฟนบอล รวมถึงสังคมวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ มันยิ่งทำให้ซุปเปอร์ลีกไม่สามารถไปต่อได้

เพียงแต่เรื่องนี้มันดูจะจบลงเร็วสักหน่อย ทำให้ภาพที่ออกมามันเหมือนว่านี่คือชัยชนะของแฟนบอล ที่สามารถกดดันให้สโมสรสามารถยุติแนวคิดแบบนี้ลงไปได้

แท้ที่จริงแล้ว ผู้ชนะในเกมนี้ที่แท้จริง อาจจะเป็นเหล่าสโมสร กับยูฟ่า ที่สามารถเจรจากันหลังบ้าน จนได้ข้อตกลงที่น่าพอใจ ส่งผลให้มีการถอนจากสมาชิกก่อตั้งยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ลีก กันไปทีละทีมๆ (เชื่อว่าที่ค่อยๆ ถอยกันทีละทีม ก็อาจจะมีการเจรจากัน ไม่ถอนพร้อมๆ กันให้ดูเป็นความจงใจเกินไป)

ท้ายที่สุดนี่คือหนังม้วนเดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อสโมสรเริ่มมองว่าสิ่งที่ตัวเองได้ไม่เพียงพอ ก็ต้องก่อสไตรค์กันสักที เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เมื่อได้แล้วก็แยกย้ายกันไป

ส่วนคนกลางอย่างแฟนบอล ที่ถูกจับมาอยู่ในหมากคราวนี้ ก็โดนปล่อยทิ้งไว้กลางทาง ให้นั่งเชียร์สโมสรที่ตัวเองรักกันต่อ

เพราะจะไปไล่เจ้าของทีมกัน ก็คงทำไม่ได้อยู่ดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image