ยุคมืดของ ‘บาร์ซ่า’ และการคืนชีพสู่ยอดทีมในมือ ‘ชาบี้’

ยุคมืดของ ‘บาร์ซ่า’ และการคืนชีพสู่ยอดทีมในมือ ‘ชาบี้’

บาร์เซโลน่า บุกไปพ่าย บาเยิร์น มิวนิก 0-3 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ส่งผลให้บาร์ซ่า จบเพียงอันดับสามของกลุ่มอี ทำให้พลพรรคบาร์ซ่าต้องหล่นไปเล่นในรายการยูฟ่า ยูโรป้าลีก

การขาดหายไปของ ลิโอเนล เมสซี่ ดาวยิงสูงสุดของสโมสรไปเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา เห็นผลชัดเจนว่าความอันตรายของทีมยักษ์ใหญ่จากสเปนลดลงอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยในแชมเปี้ยนส์ลีกปีนี้ บาร์ซ่าทำไปได้แค่ 2 ประตูจาก 6 เกม

ครั้งสุดท้ายที่บาร์เซโลน่าไม่ได้เข้าสู่รอบน็อกเอาต์ของถ้วยบิ๊กเอียร์ ต้องย้อนกลับไปในฤดูกาล 2003-2004 หรือ 17 ปีที่แล้ว ที่ทีมแห่งคาตาลันต้องไปเล่นในรายการยูฟ่า คัพ (ยูโรป้า ลีก) เนื่องจากจบเพียงอันดับ 6 ของลีกในซีซั่นก่อน

Advertisement

อาส สื่อชื่อดังของสเปน วิพากษ์วิจารณ์การเล่นของบาร์เซโลน่า ในนัดที่แพ้ให้กับบาเยิร์น ว่า ดูเหมือนจะหมดยุคของบาร์ซ่าแล้ว เมื่อดูจากหลายๆ ปัจจัยในเกมที่พวกเขาบุกไปพ่ายแพ้ให้กับบาเยิร์น มิวนิค ทีมระดับท็อปของเยอรมนีเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน โดยปราศจากความรู้สึกขายหน้า พวกเขาพ่ายแพ้ด้วยท่าทีที่เหมือนกับเสือที่ขี้เกียจตามล่าลูกละมั่ง

มาร์ก้า หนังสือพิมพ์ชื่อดัง ได้พาดหัวข่าวว่า “ความอับอายในยูโรป้า” บาร์ซ่าเหมือนยังติดอยู่ในฝันร้ายที่พวกเขาแพ้บาเยิร์น 2-8 ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2020 แต่ฝันร้ายดูเหมือนจะคงดำเนินต่อไป เนื่องจากเสือใต้เอาชนะได้อีกครั้ง และส่งทัพอาซูลกราน่าตกรอบลงไปเล่นในยูโรป้า

แม้แต่ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ห้องเครื่องกัปตันทีมบาร์ซ่า ยังออกมายอมรับว่า ตอนนี้แข้งบาร์ซ่ารู้สึกแย่เป็นอย่างมาก ทีมกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เราเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น

Advertisement

ด้าน โรนัลด์ อาเราโฆ กองหลังบาร์ซ่าที่ลงเล่นในเกมพ่ายบาเยิร์น กล่าวว่า มันเป็นผลการแข่งขันที่เลวร้าย การที่เราไม่ได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบถัดไป ไม่ใช่เพราะเล่นพลาดกันแค่ในเกมนี้ แต่พลาดมาจากเกมอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ตอนนี้คงไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าบาร์ซ่าเป็นทีมที่ดีที่สุดในยุโรป เนื่องจากไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบน็อกเอาต์ได้ เมื่อไม่สามารถทำผลงานได้ตามที่คาดหวังไว้ เป้าหมายของพวกเราต่อจากนี้คือการทำให้เต็มที่ในทุกๆ เกม ทั้งในลีกและบอลถ้วย เพื่อคว้าแชมป์ให้ได้

บาร์เซโลน่ารั้งอันดับ 7 ในศึกลาลีก้า สเปน ตามหลัง รีล มาดริด จ่าฝูงอยู่ 16 แต้ม จากการลงเล่น 15 นัด แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงโค้ชจากโรนัลด์ คูมัน มาเป็นชาบี้ เอร์นานเดซ แต่ผลงานของทีมก็ลุ่มๆ ดอนๆ

ขุมกำลังของบาร์เซโลน่าชุดนี้เป็นการผสมผสานระหว่างผู้เล่นประสบการณ์สูงที่ฟอร์มไม่ได้พีคเหมือนเก่า กับผู้เล่นดาวรุ่งฝีเท้าดี แต่อาจต้องการเวลาในการขัดเกลาฝีเท้าอีกสักพัก ไม่ว่าจะเป็น กาบี้ ที่อายุเพิ่งจะ 17 ปี อันซู ฟาติ และ เปดรี้ เจ้าของรางวัลโกลเด้นบอย 2021 ของฟร้องซ์ฟุตบอล แถมทั้งคู่มีชื่ออยู่ในทีมชาติชุดใหญ่ของสเปนแล้วอีกด้วย การที่ชาบี้เข้ามาทำหน้าที่โค้ช อาจจะผลักดันให้ดาวรุ่งเหล่านี้ ขึ้นไปเป็นนักเตะแถวหน้าของโลกก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้

ถึงแม้ชาบี้จะคุ้นเคยกับบาร์ซ่าอย่างดี เพราะเติบโตมากับสโมสรและประสบความสำเร็จจนเป็นตำนานนักเตะ แต่ก็ไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่า ตำนานคนนี้จะพาทีมกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ได้

เจ็นซัน นักข่าวฟุตบอลชาวสเปน กล่าวถึงชาบี้เอาไว้ว่า “ผมได้ดู 5 เกมแรกที่ชาบี้คุมทีม ผมเห็นเงาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่าในตัวเขา ชาบี้มีพรสวรรค์และแนวทางในการทำทีมที่ชัดเจน อยู่ที่ว่าเขาจะผลักดันลูกทีมได้มากแค่ไหน”

ด้าน ปีเตอร์ เคร้าช์ อดีตกองหน้าของลิเวอร์พูล มองว่า ชาบี้คือคนที่ใช่สำหรับบาร์เซโลน่า เขารู้ทุกซอกทุกมุม และขนบธรรมเนียมของสโมสรนี้เป็นอย่างดี เชื่อว่าบาร์ซ่าชุดนี้จะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ที่ปลายทางอย่างแน่นอน

ตอนนี้บาร์เซโลน่าอาจจะไม่ใช่ทีมที่น่ากลัวสำหรับคู่แข่ง ไม่ว่าจะเจอทีมไหนก็มีโอกาสแพ้ได้ทุกเมื่อ เนื่องจากมีปัญหาหลายๆ อย่างนอกสนาม และอยู่ในช่วงปรับจูนทีม โค้ชคนใหม่ที่เพิ่งแต่งตั้งได้ไม่นานอย่างชาบี้ ก็ยังไม่มีประสบการณ์ในการคุมทีมในลีกสูงสุดของสเปนมากนัก ซึ่งต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเองอีกพักใหญ่

หลายคนก็เชื่อว่าชาบี้คือคนที่ใช่ และจะเดินตามรอยรุ่นพี่อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้แน่นอน เนื่องจากมีปัจจัยต่างๆ ที่คล้ายกัน ทั้งคู่เป็นอดีตกองกลางกัปตันทีมของบาร์ซ่า เข้ามาทำหน้าที่โค้ชในช่วงที่สถานการณ์ของทีมกำลังตกต่ำ การดันดาวรุ่งแววดีขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัว ขาดอย่างเดียวคือเวลาในการทำทีม ซึ่งถ้าให้เวลาชาบี้ได้สร้างทีม เขาอาจจะพาบาร์เซโลน่ากลับไปอยู่จุดสูงสุดอีกครั้ง

เพราะฟุตบอลไม่ใช่เรื่องของฝีมือและฝีเท้า เวลาก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image