แมนฯ ซิตี้ เจอตอเข้าให้แล้ว หลังจากชนะทุกรายการมา 10 นัดติดต่อกัน สองเกมหลังซิตี้ทำได้แค่ เสมอเซลติค กับ แพ้สเปอร์ส ฟอร์มในสนามก็ฟ้องว่า คู่ต่อสู้ เริ่มรู้ทางว่าจะเล่นกับ เรือใบสีฟ้า อีท่าไหน
ถ้ามัวตั้งรับมีแต่ แพ้กับแพ้ สู้ลุยแลกไปเลย (วะ) ซิตี้เร็วนัก ข้าต้องเร็วกว่า ดันขึ้นไปเพรสซิ่งทั้งแผง เร่งให้ประตู เคลาดิโอ บราโว่ ออกบอลเร็ว เร่งกองหลังให้รีบจ่ายบอล บีบให้เร่งเกมเร็วขึ้นครึ่งสปีด ทั้งตอนรุก ทั้งตอนรับ แค่นั้นก็สามารถก่อให้เกิดความผิดพลาดได้แล้ว
สองประตูของสเปอร์ส มาจากการเร่งให้แมนฯ ซิตี้พลาด เปลี่ยนจังหวะจากรับเป็นรุกอย่างรวดเร็ว จนกองหลังตั้งตัวไม่ทัน อย่าลืมว่าซิตี้มีตัวรุกเร็วๆ คล่องๆ มากมายก็จริง แต่กองหลังถ้าไม่นับ จอห์น สโตนส์ คนอื่นที่เหลือค่อนข้างช้าทุกตัว ทีมไหนที่ใจถึงกล้าเปิดเกมเร็วใส่เรือใบสีฟ้า จึงมีโอกาสลุ้้นประตูอยู่พอสมควร
นัดเจอสเปอร์ส เจ้าบ้านไม่มี แฮร์รี่ เคน แต่เอาเข้าจริงกลับกลายเป็นดี เพราะ ซอน เฮือง มิน กองหน้าเกาหลีใต้เล่นบอลในสไตล์ที่เหมาะกับแทคติคในเกมนี้มากกว่า คือ เร็วมาก ฟิตมาก กล้าเลี้ยงจี้เข้าหา ทำให้กองหลังปั่นป่วน
สเปอร์สไม่ได้เล่นเร็วเป็นจรวดทุกนัด แต่เมื่อไหร่ที่ต้องการเร่งสปีด ซอน เฮือง มิน กับ เดเล่ อัลลี เข้าคู่กันได้อย่างเหมาะเหม็ง
ทีม ตราไก่ บอกให้ทีมอื่นรู้ว่าควรเล่นกับแมนฯ ซิตี้ ยังไง แต่แน่นอนว่า คงมีไม่กี่ทีมที่จะแย่ง 3 แต้มมาจากเรือใบสีฟ้า คุณต้อง เพอร์เฟกต์ ให้ได้แบบสเปอร์สในเกมนี้ ต้องวิ่งไม่มีหมด ต้องใจถึงสุดสุด จังหวะก็ต้องเป็นใจให้ด้วย
ซิตี้ภาพรวมยังเป็นทีมระดับแชมเปี้ยน ข้อดีมากกว่าข้อเสียเยอะ แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คงรู้แก่ใจว่า งานนี้ไม่มีทางนำม้วนเดียวจบ การลุ้นแชมป์ก็ไม่ได้มีแค่ม้าตัวเดียว
ที่สำคัญ แมนฯ ซิตี้ไม่ได้ประโยชน์จาก *Fear Factor เหมือนที่เป๊ปเคยมีตอนคุม บาร์เซโลน่า กับ บาเยิร์น
เพราะในพรีเมียร์ลีก ถึงรู้ว่าเป็นรอง แต่ไม่มีใครกลัวแมนฯ ซิตี้ แน่นอน!
