ผู้เขียน | Stivie T |
---|
คอลัมน์ เกรียนเขียนบอล By Stivie T : นัดชิง 9 นัด
ย้อนกลับไปเมื่อตอนเดือนมกราคม ตารางคะแนนบ่งบอกว่า “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำห่างถึง 14 คะแนน และหลายคนต่างบอกกันว่ายกแชมป์ให้ไปเลยละกัน คงไม่มีใครไล่ทัน
ทว่ามาถึงตอนนี้สถานการณ์กลับตาลปัตร เพราะจากช่องว่าง 14 คะแนน ตอนนี้เรือใบสีฟ้ากลับถูก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูลไล่จี้มาจนเหลือแค่ 1 คะแนนเท่านั้น ในขณะที่เหลือแค่ 9 เกมให้ลงเล่น
โดยที่ทั้งสองทีมมีโปรแกรมที่จะต้องตัดแชมป์กันเอง ในวันที่ 10 เมษายนนี้ ที่อาจจะถูกจับตาว่าเป็นเกมแห่งฤดูกาลเลยก็ว่าได้ของทั้งสองทีม
แม้ว่าถ้าดูกันตามโปรแกรมที่เหลือ ของแมนฯ ซิตี้ จะดีกว่าลิเวอร์พูล เพราะแทบจะไม่ต้องเจอกับทีมใหญ่ๆ เลย แต่กลับกันลิเวอร์พูลยังต้องเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เอฟเวอร์ตัน อริร่วมเมืองที่กำลังหนีตาย หรือท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เอง
แต่ทว่าสิ่งที่หลายเกจิมองกัน กลับมองกันว่าโมเมนตัมนั้นโยกกลับมาทางฝั่งหงส์แดงเป็นที่เรียบร้อย เพราะต่อให้ซิตี้จะได้เปรียบจากการเล่นในบ้านกับลิเวอร์พูล แต่ฟอร์มช่วงหลังพวกเขาก็หลุดได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ ทั้งการแพ้สเปอร์ส หรือล่าสุดที่เจาะคริสตัล พาเลซ ไม่เข้าก็ตาม
พลันทำให้นึกย้อนไปถึงฤดูกาล 20181/19 ตอนนั้นลิเวอร์พูลเองก็เข้าช่วงปีใหม่ด้วยการมีแต้มนำเรือใบสีฟ้าถึง 12 คะแนนด้วยกัน แต่สุดท้ายกลับมีช่วงที่ฟอร์มหลุดไปเองจนโดนแซง สุดท้ายพลาดแชมป์ไปด้วยการมีแต้มตามหลังแค่คะแนนเดียวเท่านั้น
บวกกับโปรแกรม 4 นัดในลีกหลังจากนี้ ถ้าตัดการเจอกันเองไป ลิเวอร์พูลจะเป็นฝ่ายที่ได้ลงเล่นก่อนเรือใบสีฟ้าทุกนัด พร้อมสร้างความกดดันด้วยการแซงขึ้นไปนำก่อนได้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้สถานการณ์จะดูเข้าทาง แต่ทีมอย่างเรือใบสีฟ้า ถือว่ามีประสบการณ์สูงมากๆ ในการรักษาสถานภาพการเป็นผู้นำแบบนี้ เพราะอย่างปี 2018/19 พวกเขาก็มีแต้มนำลิเวอร์พูลแต่แต้มเดียวตลอดเช่นกัน และสามารถเอาตัวรอดได้
ฉะนั้นบอกได้เลยว่าอีก 9 นัดที่เหลือ ไม่ว่าใครจะเจอกับทีมใด ล้วนแล้วแต่เป็นนัดชิงชนะเลิศ ที่ไม่ต้องการผลอื่นใดนอกจากชัยชนะ (แบบที่ไม่มีให้ต่อเวลาด้วย)
และจะเป็นอีกหนึ่งบทตำนานการลุ้นแชมป์ที่สูสีที่สุดของพรีเมียร์ลีกแน่นอน