จาก ยูโร ถึง โอลิมปิกเกมส์ 2 บิ๊กอีเวนต์กีฬาแห่งปี 2024

จาก ยูโร ถึง โอลิมปิกเกมส์ 2 บิ๊กอีเวนต์กีฬาแห่งปี 2024

ปี 2024 นับเป็นอีกปีที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับคอกีฬา เนื่องจากจะมีอีเวนต์กีฬาระดับโลกให้ได้ติดตามถึง 2 อีเวนต์ต่อเนื่องกันในช่วงกลางปี

อีเวนต์แรกคือการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน-14 กรกฎาคม ซึ่งเป็นครั้งที่ 17 ของทัวร์นาเมนต์นี้แล้ว

ยูโร 2024 ยังคงใช้ระบบเดียวกับการแข่งขัน 2 ครั้งที่ผ่านมา คือมีทีมเข้าร่วม 24 ทีม แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม รอบแรกแข่งขันแบบพบกันหมดในกลุ่ม ทีมแชมป์และรองแชมป์กลุ่มรวม 12 ทีม กับทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุดอีก 4 ทีม ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นการแข่งขันในระบบน็อกเอาต์

Advertisement

เยอรมนีกำหนดสังเวียนฟาดแข้งไว้ 10 สนามใน 10 เมือง ได้แก่ เบอร์ลิน มิวนิก ดอร์ทมุนด์ สตุ๊ตการ์ต เกลเซนเคอร์เช่น แฟรงก์เฟิร์ต ฮัมบูร์ก ดุสเซลดอร์ฟ โคโลญจ์ และไลป์ซิก

สำหรับทีมที่เข้าร่วมแข่งขันรอบสุดท้ายนั้น เบื้องต้นได้ทีมการันตีเข้ารอบแล้ว 21 ทีม เหลือโควต้าอีก 3 ที่สำหรับผู้ชนะการเล่นเพลย์ออฟ ซึ่งผลการจับสลากแบ่งกลุ่มเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ได้ข้อสรุปดังนี้

Advertisement

กลุ่มเอ : เยอรมนี สกอตแลนด์ ฮังการี สวิตเซอร์แลนด์
กลุ่มบี : สเปน โครเอเชีย อิตาลี แอลเบเนีย
กลุ่มซี : สโลวีเนีย เดนมาร์ก เซอร์เบีย อังกฤษ
กลุ่มดี : ผู้ชนะเพลย์ออฟสายเอ เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย ฝรั่งเศส
กลุ่มอี : เบลเยียม สโลวาเกีย โรมาเนีย ผู้ชนะเพลย์ออฟสายบี
กลุ่มเอฟ : ตุรกี ผู้ชนะเพลย์ออฟสายซี โปรตุเกส สาธารณรัฐเช็ก

สำหรับการดวลเพลย์ออฟเพื่อชิงโควต้า 3 ที่สุดท้าย จะเตะรอบรองชนะเลิศวันที่ 21 มีนาคม และรอบชิงชนะเลิศของแต่ละสาย วันที่ 26 มีนาคม ซึ่งการประกบคู่รอบรองชนะเลิศ สายเอ โปแลนด์ พบ เอสโตเนีย, เวลส์ พบ ฟินแลนด์ / สายบี อิสราเอล พบ ไอซ์แลนด์, บอสเนีย แอนด์ เฮอร์เซโกวินา พบ ยูเครน / สายซี จอร์เจีย พบ ลักเซมเบิร์ก, กรีซ พบ คาซัคสถาน

ในจำนวนทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย เยอรมนี เจ้าภาพ ซึ่งได้สิทธิเข้าแข่งขันโดยอัตโนมัติ เป็นทีมที่มีประวัติผลงานดีที่สุดของทัวร์นาเมนต์ โดยผ่านเข้ารอบสุดท้ายมากที่สุด 13 ครั้ง คว้าแชมป์สูงสุด 3 ครั้ง เท่ากับสเปน และรองแชมป์มากที่สุด 3 ครั้ง เท่ากับรัสเซีย

ปกติแล้วการเป็นเจ้าภาพย่อมหมายถึงความฮึกเหิมและความได้เปรียบด้านสภาพสนาม สนามภูมิอากาศที่คุ้นเคย ประกอบกับเสียงเชียร์จากแฟนๆ อย่างไรก็ตาม สำหรับ “อินทรีเหล็ก” แล้ว นี่อาจเป็นแรงกดดันมหาศาล

เยอรมนีซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นมหาอำนาจของวงการลูกหนังโลกประสบกับความตกต่ำต่อเนื่องชนิดน่าใจหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2 ครั้งติดต่อกัน ขณะที่ยูโรหนก่อนก็จอดป้ายแค่เพียงรอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น

ในช่วงวิกฤตศรัทธาโหมกระหน่ำ อินทรีเหล็กผ่านการเปลี่ยนโค้ชมาแล้ว 3 คน โดยหลังตกรอบยูโร 2020 โยอาคิม เลิฟ โบกมือลาทีมเมื่อหมดสัญญา และได้ ฮานซี่ ฟลิค อดีตกุนซือบาเยิร์น มิวนิก ไปทำหน้าที่แทน

ยูเลียน นาเกลส์มันน์

อย่างไรก็ตาม ผลงานระดับทีมชาติของฟลิคไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจเท่ากับระดับสโมสร โดยเฉพาะการตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ แม้ สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนี (เดเอฟเบ) จะยังให้ความเชื่อมั่นให้ฟลิคทำงานต่อไป แต่ผลงานน่าผิดหวังต่อเนื่องโดยเฉพาะการพ่ายแพ้ให้ญี่ปุ่นคาบ้าน 1-4 ทำให้ฟลิคกลายเป็นกุนซือคนแรกในประวัติศาสตร์ทีมชาติเยอรมนีที่โดนปลดจากตำแหน่งในวันที่ 10 กันยายน ก่อนเดเอฟเบจะแต่งตั้ง ยูเลียน นาเกลส์มันน์ อดีตกุนซือเสือใต้อีกรายมาทำหน้าที่แทนหลังจากนั้น 2 สัปดาห์

นาเกลส์มันน์คุมทีมมาแล้ว 4 นัด ทำสถิติชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 2 แม้จะยังเร็วเกินไปที่จะด่วนตัดสินฝีมือของเขา แต่เขาเหลือเวลาอีกเพียง 5 เดือนเศษในการปลุกผีอินทรีเหล็ก ทั้งเรื่องความมั่นใจและฝีเท้า เพื่อเรียกศรัทธาแฟนๆ คืนมาในทัวร์นาเมนต์สำคัญที่บ้านเกิดของตัวเอง

นอกจากเยอรมนีแล้ว ยูโรหนนี้มีทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปตบเท้าคว้าโควต้าเข้าร่วมกันถ้วนหน้า กลุ่มที่น่าจับตาเป็นพิเศษคงไม่พ้นกลุ่มบีที่มีทั้งสเปน อดีตแชมป์ 3 สมัย และอิตาลี แชมป์เก่าและอดีตแชมป์ 2 สมัย ร่วมกลุ่มกับโครเอเชีย อันดับ 3 ฟุตบอลโลกหนล่าสุด และน้องน้อยอย่างแอลเบเนีย

ในแง่สถิติ สเปนเอาชนะอิตาลีมา 2 ครั้งในการเจอกันในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ลีก 2-3 ปีหลัง และยังทำผลงานได้ดีกว่าในการเตะฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก (ซึ่งอัซซูรี่ไม่ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย) นอกจากนี้ อิตาลียังสั่นสะเทือนจากการลาออกจากตำแหน่งอย่างกะทันหันของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้พาทีมคว้าแชมป์หนก่อน เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว โดยได้ ลูเซียโน่ สปัลเลตติ อดีตโค้ชนาโปลีมาทำหน้าที่แทน แม้จะยังคงรักษาสไตล์การเล่นเดิมเอาไว้ แต่ผลงานจะเป็นอย่างไรคงต้องรอติดตาม

อีกกลุ่มที่น่าจับตามองไม่แพ้กันคือ กลุ่มดีที่ตอนนี้มีทั้งเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และออสเตรีย โดยรอทีมชนะจากเพลย์ออฟสายเออีก 1 ทีม

ทีมตราไก่ที่อกหักคว้ารองแชมป์จากฟุตบอลโลกที่ผ่านมา ย่อมหมายมั่นปั้นมือว่าจะฝ่าด่านก้าวไปคว้าแชมป์ยูโรสมัยที่ 3 ให้ได้ โดยกุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องส์ มีผลงานยอดเยี่ยม พาทีมคว้าแชมป์โลกกับรองแชมป์โลก รวมถึงรองแชมป์ยูโรเมื่อปี 2016 มาแล้ว แต่ยูโรหนก่อนไปพลาดท่าตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเพราะดวลจุดโทษแพ้สวิตเซอร์แลนด์ ยิ่งเป็นแรงฮึดให้แก้ตัวทำผลงานให้ดีกว่าเดิมให้ได้ในครั้งนี้

ส่วนเนเธอร์แลนด์อยู่ร่วมกับฝรั่งเศสมาตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม และเข้ารอบด้วยผลงานที่แย่กว่า 4 คะแนน ทีมกังหันสีส้มชุดปัจจุบันเป็นส่วนผสมระหว่างแข้งประสบการณ์สูงกับผู้เล่นยังบลัด ภายใต้การคุมทีมรอบสองของ โรนัลด์ คูมัน ซึ่งภาพรวมมีสถิติพาทีมคว้าชัย 75 เปอร์เซ็นต์ในฤดูกาลนี้ ถือว่าดีทีเดียว

อีกทีมที่ขาดไม่ได้คือขวัญใจมหาชนอย่างอังกฤษที่แฟนๆ เฝ้ารอแชมป์เมเจอร์หนที่ 2 อย่างใจจดใจจ่อมานาน 58 ปีแล้ว นับตั้งแต่แชมป์ฟุตบอลโลกหนแรกและหนเดียวในบ้านตัวเองเมื่อปี 1966

กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต เป็นผู้จุดประกายความหวังให้กับแฟนๆ สิงโตคำราม เพราะนับตั้งแต่เข้าไปกุมบังเหียน เขาก็พาทีมประสบความสำเร็จสุดยอด ทั้งเข้าตัดเชือกฟุตบอลโลก 2018 และเข้าชิงฟุตบอลยูโร 2020 โดยพ่ายให้อิตาลีฉิวเฉียดในการดวลจุดโทษเท่านั้น

กล่าวกันว่า ทีมสิงโตคำรามชุดปัจจุบันที่มีทั้ง แฮร์รี่ เคน, จู๊ด เบลลิงแฮม, บูกาโย่ ซาก้า และอีกมากมาย เป็นชุดที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ตอนคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกที่บ้านตัวเอง โดยเฉพาะรายของเคนซึ่งกำลังท็อปฟอร์มกับสังกัดใหม่ บาเยิร์น มิวนิก ในบุนเดสลีก้า

เส้นทางรอบแรกของอังกฤษที่อยู่กลุ่มซีร่วมกับสโลวีเนีย เดนมาร์ก และเซอร์เบีย ถึงจะไม่ได้ราบเรียบนัก แต่ก็ไม่โหดหินเมื่อเทียบกับอีกหลายกลุ่ม จึงน่าติดตามอย่างยิ่งว่าเซาธ์เกตและแข้งเมืองผู้ดีจะไปถึงตำแหน่งแชมป์ที่รอคอยได้แล้วหรือยัง

จบศึกยูโร 2024 ได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ ก็มีอีเวนต์กีฬาอีกรายการสำคัญให้ติดตาม นั่นคือ โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม-11 สิงหาคม

“ปารีส 2024” เป็นโอลิมปิกเกมส์ฤดูร้อน ครั้งที่ 33 นับเป็นครั้งที่ 3 ที่ฝรั่งเศสได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพ ต่อจากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 2 เมื่อปี 1900 และโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 8 ในปี 1924

สำหรับปารีสเกมส์รอบนี้ประเมินคร่าวๆ ว่าจะมีนักกีฬา 10,500 คน จาก 206 ประเทศเข้าร่วมชิงชัยใน 32 ชนิดกีฬา รวม 329 เหรียญทอง

สำหรับชนิดกีฬาและอีเวนต์ที่ชิงชัยเหรียญทองกันนั้น คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) มุ่งเน้นนโยบายเรื่องการมีส่วนร่วม สร้างสมดุลอีเวนต์ของนักกีฬาชายและหญิง และเน้นกีฬาของคนรุ่นใหม่มากขึ้น เพื่อดึงดูดความสนใจจากแฟนกีฬารุ่นใหม่ๆ ทำให้การแข่งขันโอลิมปิกเกมส์มีความทันสมัย เป็นความพยายามที่จะขยายฐานผู้ชมให้กว้างขึ้น เป็นการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย

ด้วยเหตุนี้ปารีสเกมส์หนนี้จึงมีกีฬาบรรจุใหม่ 4 ชนิดกีฬาที่เน้นเจาะตลาดวัยรุ่นและได้รับความนิยมทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ เบรกกิ้ง (เต้นบีบอย-บีเกิร์ล), ปีนหน้าผา สเก็ตบอร์ด และกระดานโต้คลื่น

ส่วน 28 ชนิดกีฬาที่บรรจุแข่งขันต่อจากครั้งที่ผ่านๆ มา ได้แก่ กรีฑา, ว่ายน้ำ-กระโดดน้ำ-โปโลน้ำ-ระบำใต้น้ำ, ยิงธนู, แบดมินตัน, บาสเกตบอล, มวยสากล, เรือแคนู, จักรยาน, ขี่ม้า, ฟันดาบ, ฮอกกี้, ฟุตบอล, กอล์ฟ, ยิมนาสติก, แฮนด์บอล, ยูโด, ปัญจกีฬาสมัยใหม่, เรือกรรเชียง, รักบี้ 7 คน, เรือใบ-วินด์เซิร์ฟ, ยิงปืน, เทเบิลเทนนิส, เทควันโด, เทนนิส, ไตรกีฬา, วอลเลย์บอล, ยกน้ำหนัก และมวยปล้ำ

ในจำนวนนี้ ชนิดกีฬาที่ถือว่าอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างสุ่มเสี่ยงคือ มวยสากล เนื่องจากปัญหาคอร์รัปชั่นและความขัดแย้งภายในองค์กรของ สหพันธ์มวยสากลนานาชาติ (ไอบ้า) ในฐานะสหพันธ์กีฬาที่รับผิดชอบดูแลการแข่งขัน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องคำตัดสินที่ไม่เป็นธรรมจนโดนวิจารณ์หลายต่อหลายครั้ง ทางไอโอซีกดดันให้ไอบ้าแก้ไขปัญหา แสดงความจริงใจเรื่องความโปร่งใสในประเด็นต่างๆ โดยขู่จะถอดกีฬามวยสากลออกจากการชิงชัยในโอลิมปิกเกมส์ ถึงแม้จะเป็นหนึ่งในกีฬาเก่าแก่ของทัวร์นาเมนต์ ถึงขั้นต้องตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจมาวางระบบการแข่งขันชิงโควต้าตั้งแต่โอลิมปิกเกมส์หนก่อน

อย่างไรก็ตาม แม้ไอบ้าจะพยายามเปลี่ยนแปลงองค์กร (โดยเปลี่ยนชื่อเป็น สมาคมมวยสากลนานาชาติ หรือ ไอบีเอ) แต่ก็ยังคงเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ที่ไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม และรอยร้าวยิ่งชัดเจนเมื่อบรรดาชาติใหญ่ๆ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ โปแลนด์ สวีเดน และสาธารณรัฐเช็ก พากันบอยคอตการแข่งขันมวยสากลชิงแชมป์โลก 2023 ที่ไอบีเอจัด ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน ไอโอซีได้ถอนการรับรองสถานะของไอบีเอในฐานะองค์กรรับผิดชอบจัดกีฬามวยสากลในระดับนานาชาติ และมีการตั้งองค์กรใหม่มาสู้ แต่ก็ยังมีชาติสมาชิกบางส่วนโดยเฉพาะในแถบเอเชียที่ยังสนับสนุนองค์กรเดิม ทำให้ตอนนี้สถานการณ์ยังคาราคาซัง และทำให้สถานะของกีฬามวยสากลในโอลิมปิกเกมส์หลังจากนี้ยังคงต้องลุ้นระทึกและจับตามองต่อไป

อีกประเด็นใหญ่ที่หลายคนจับตามองสำหรับโอลิมปิกเกมส์ 2024 คือการเข้าร่วมของนักกีฬาจากรัสเซียและเบลารุส ซึ่งมีประเด็นการเมืองระดับโลกอยู่เบื้องหลังอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

นับตั้งแต่รัฐบาลรัสเซียส่งกำลังทหารรุกรานยูเครนโดยความช่วยเหลือของเบลารุสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 ไอโอซีก็แนะนำให้สหพันธ์กีฬาต่างๆ แบนนักกีฬาจากทั้ง 2 ชาติเข้าร่วมแข่งขันอีเวนต์ที่สหพันธ์นั้นๆ จัด
ต่อมาในปี 2023 จึงเริ่มมีการผ่อนผันให้นักกีฬาจาก 2 ชาตินั้นเข้าร่วมแข่งขันได้บางชนิดกีฬาในนามชาติเป็นกลาง ไม่ให้ใช้ชื่อประเทศ ธงชาติ เพลงชาติ หรือชุดแข่งขันที่สื่อถึงประเทศของตัวเอง

แม้ว่าจะโดนกระแสกดดันอย่างหนักจากยูเครนและชาติตะวันตกหลายชาติ สุดท้ายแล้วเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ไอโอซีก็มีมติอนุญาตให้นักกีฬารัสเซียและเบลารุสที่่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมแข่งขันปารีสเกมส์ได้ในนามชาติเป็นกลางตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ข้างต้น โดยให้เหตุผลว่า นักกีฬาที่ไม่ได้สนับสนุนสงครามไม่ควรได้รับผลกระทบจากการกระทำของรัฐบาล และควรได้รับสิทธิในการมีส่วนร่วมกับการแข่งขัน

ข้างฝั่งรัสเซียเองก็ตั้งคำถามกลับไปยังไอโอซีและโลกตะวันตกถึงความสองมาตรฐาน โดยยกเหตุการณ์สู้รบที่ฉนวนกาซา ซึ่งรัฐบาลอิสราเอลทำสงครามกับกลุ่มก่อการร้าย ฮามาส ทั้งที่ปาเลสไตน์ที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ ก็เป็นสมาชิกของไอโอซีเช่นกัน

ประเด็นนี้ ไอโอซีตอบกลับว่า “สงคราม” ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน กับอิสราเอล-ฮามาสนั้นเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ส่วนคณะกรรมการโอลิมปิกของอิสราเอลก็ยืนยันส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

เนื่องด้วยความขัดแย้งทางการเมืองระดับนานาชาติที่กรุ่นๆ ในหลายพื้นที่ ทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสยิ่งต้องย้ำเรื่องมาตรการดูแลความปลอดภัยของนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และแฟนๆ กีฬาที่จะหลั่งไหลเข้าไปชมการแข่งขันในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ในระดับเข้มข้นสูงสุด

นับเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายจับตามองอย่างใกล้ชิดสำหรับอีเวนต์ใหญ่ระดับ 4 ปีครั้งที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า!

 

 

 

 

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image