นับถอยหลัง 9 วันสู่เอเชี่ยนคัพ กับการเตรียมทัพแบบติดลบ
ประกาศรายชื่อ 26 คนสุดท้ายสำหรับ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ที่จะลุยเอเชี่ยนคัพ 2023 รอบสุดท้ายออกมาแล้ว
แน่นอนว่ารายชื่อที่ออกมาอาจจะมีถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง อันนั้นเป็นเรื่องของความคิดส่วนบุคคล แต่เมื่อให้สิทธิกุนซืออย่าง มาซาทาดะ อิชิอิ เลือกแล้ว เขาก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบกับการเลือกนั้นๆเอง
ทว่าปัญหาของทีมชาติไทย มันไม่ได้อยู่เรื่องการประกาศรายชื่อหรือว่าจะเอาใครไปหรือไม่ไปหรอก มันอยู่ที่การเตรียมตัวมากกว่า
เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า คนเราถ้าอยากจะประสบความสำเร็จอะไร ต้องมาจากการมีพื้นฐานหรือการเตรียมตัวที่ดี
กับวงการฟุตบอลก็คงไม่ต่างกันมากนัก
ถ้าหากเราอยากจะประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง ก็ต้องมาจากการวางรากฐานที่ดี รวมถึงต้องมีการเตรียมความพร้อมที่ดีด้วย
ในขณะที่การแข่งขันรายการใหญ่ที่สุดของเอเชีย อย่างเอเชี่ยน คัพ เตรียมจะเปิดสนามกันอยู่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แทนที่เราจะได้เห็นภาพของ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย เก็บตัวฝึกซ้อมอย่างเข้มข้นในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ แต่กลับกลายเป็นว่ากว่าจะเรียกนักเตะรวมตัวกันอีกครั้ง ต้องรอวันที่ 7 มกราคม
แล้วตอนนี้ทำอะไรกัน!
สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ประกาศให้เข้าสู่ช่วงฟีฟ่าเดย์ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นมา เป็นหมุดหมายว่าสโมสรจะต้องปล่อยตัวนักเตะมาร่วมทีมชาติ เพื่อเก็บตัวฝึกซ้อม เตรียมทีม ก่อนที่จะเริ่มแข่งขันในวันที่ 12 มกราคมเป็นต้นไป
ซึ่งไทยก็ดูเหมือนจะมีการวางแผนทีมที่ดี มีการนัดอุ่นเครื่องกับทีมชาติญี่ปุ่น ในวันที่ 1 มกราคม แต่ทว่าหลังเตะเสร็จแทนที่ทีมจะเก็บตัวกันต่อ กลับปล่อยนักเตะแยกย้ายกลับสโมสร โดยสาเหตุมาจากการบริหารจัดการตารางแข่งขันไม่ดี มีเกมไทยลีก 2023/24 ตกค้างอยู่ 1 คู่ และเป็นคู่ใหญ่อย่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด พบกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เสียด้วย ในวันที่ 6 มกราคม
แต่บางทีนั่นก็ไม่น่าใช่ข้ออ้างที่จะปล่อยนักเตะไปพักผ่อนกันได้หรือเปล่า? เพราะนักเตะทีมชาติไทยไม่ได้มีแค่จาก 2 สโมสรนี้ จากรายชื่อที่ออกมา 26 คน มีนักเตะที่มาจาก 2 สโมสรดังกล่าวแค่ 8 คนเท่านั้น แล้วอีก 18 คนทำอะไรกัน ทำไมถึงไม่เรียกนักเตะมาเก็บตัวกันก่อนหล่ะ?
ในขณะที่หลังจากจบเกมกับญี่ปุ่น ซึ่งทีมชาติไทยเดินทางกันไป 23 คน ไม่รวมทีมงาน ปรากฎว่ากลับมาไม่ครบ 23 คน เพราะมีบางคนขออยู่ที่ญี่ปุ่นเที่ยวพักผ่อนกันต่อ หรือแม้กระทั่งตัวโค้ชอย่างมาซาทาดะ อิชิอิ ก็ไม่ได้เดินทางกลับมาด้วย
หาข้ออ้างให้โค้ช ส่วนหนึ่งคือเขาเป็นคนญี่ปุ่น อาจจะมีธุระอะไรที่ต้องจัดการตรงนั้น แต่ก็น่าจะสั่งทีมงาน วางโปรแกรมฝึกซ้อม หรือมีแผนงานอะไรที่มันดีกว่าการปล่อยนักเตะไปพักหรือไม่?
ลองไปมองชาติอื่นๆ ที่เตรียมเข้าแข่งขันเอเชี่ยนคัพเหมือนกันบ้างไหม ญี่ปุ่น ที่ถล่มไทยมา 5-0 เขาก็เก็บตัวกันต่อเนื่องอยู่และเก็บมาตั้งแต่ฟุตบอลลีกปิดฤดูกาลไปแล้วด้วยซ้ำ
หรืออย่างตอนนี้มีถึง 6 ชาติ (อินเดีย, ซาอุดีอาระเบีย, มาเลเซีย, เลบานอน, อุซเบกิสถาน, จอร์แดน) ที่เดินทางไปถึงกาตาร์ เพื่อทำการฝึกซ้อม เตรียมตัว ปรับสภาพต่างๆ ให้พร้อมสำหรับการแข่งขัน ซึ่งหนึ่งใน 6 ชาติ มีทีมเต็งของกลุ่มเอฟ ที่ทีมชาติไทยอยู่ อย่างซาอุดีอาระเบีย เดินทางไปถึงกาตาร์เพื่อเตรียมความพร้อมแล้ว
ขนาดทีมอย่างซาอุดีอาระเบีย ไปเล่นฟุตบอลโลกมาแล้ว เมื่อปีก่อนพวกเขาก็อยู่ที่กาตาร์ มีความคุ้นเคยอยู่บ้าง ยังต้องรีบเดินทางไปเพื่อปรับสภาพร่างกายอีกครั้ง และเตรียมความพร้อม เรียกว่าเป็นการเตรียมทีมแบบไม่ประมาทเลย
ย้อนกลับมาที่ไทย ก่อนไปญี่ปุ่น มีเวลาให้มาซาทาดะ อิชิอิ รวมนักเตะซ้อมอยู่ 2-3 หน แถมไม่ฟูลทีมด้วยซ้ำ เพราะนักเตะบางคนมาสมทบก็คืนก่อนเดินทางแล้ว ขณะที่ตอนไปญี่ปุ่น มีเวลาซ้อมแค่ 2 เซสชั่นเท่านั้นก่อนแข่ง
ขณะที่ตามแผนงานคือเก็บตัวอีกครั้งวันที่ 7 มกราคม ก่อนแข่งขันนัดแรก กับคีร์กีซสถาน แค่ 9 วัน ไหนจะต้องมีวันหนึ่งอุทิศให้กับการเดินทางอีก เท่ากับเวลาซ้อมเหลือแค่ 8 วันเท่านั้นเต็มที่ มันเพียงพอไหมกับการที่นักเตะไทยต้องมาปรับระบบกับแผนและแท็คติกใหม่ จากมาซาทาดะ อิชิอิ ที่เพิ่งเข้ามาคุมทีมด้วย
ไหนจะทีมชุดนี้ไม่มี “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กับ “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ 2 ดาวเตะมหัศจรรย์ประจำทีมที่คิดไม่ออกบอก 2 คนนี้มักจะมีอะไรดีๆ ช่วยทีมได้เสมอ ดังนั้นทีมอาจจะต้องหวังเน้นเรื่องของระบบการเล่น ความเข้าขา มากกว่าช็อตมหัศจรรย์ แต่กลับมีเวลาเตรียมตัวฝึกซ้อมแค่เล็กน้อยเท่านั้นอีก
โจทย์บังคับของทีมชาติไทยในเอเชี่ยนคัพ คืออย่างน้อยต้องผ่านรอบแรกให้ได้ เพราะจาก 24 ทีม เอาเข้ารอบ 16 ทีม เท่ากับจะมีทีมตกรอบแค่ 8 ทีมเท่านั้น ถ้าหากยังไม่รอดเข้ารอบ 16 ทีม ก็ถือว่าย่ำแย่เต็มทน
หรือเขาจะมองว่าเอเชี่ยนคัพไม่ใช่ทัวร์นาเมนต์สำคัญ ไปรอหวังผลอยากไปฟุตบอลโลกเลยดีกว่า เปรี้ยงๆ กว่าตั้งเยอะ
ปากบอกว่าอยากไปฟุตบอลโลก แต่ฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ระดับทวีป คุณยังไม่เอาใจใส่ในการเตรียมทีมให้มันดีเลย
ฉะนั้นเลิกฝันอะไรลมๆ แล้งๆ กันสักที
“สตีวี่ตูน”
