นับถอยหลังแอลพีจีเอฤดูกาล 2024 จับตาโปรจีนนำทัพสะวิงสาวไทย
ศึกกอล์ฟหญิง แอลพีจีเอ กำลังจะเปิดฉากฤดูกาลใหม่ในสัปดาห์หน้า ประเดิมที่การแข่งขัน ทัวร์นาเมนต์ ออฟ แชมเปี้ยนส์ ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 18-21 มกราคม
รายการนี้เป็นทัวร์นาเมนต์ที่ให้สิทธินักกอล์ฟซึ่งคว้าแชมป์แอลพีจีเอทัวร์ในช่วง 2 ปีหลังสุดเข้าร่วมแข่งขัน โดยมีเซเลบริตี้จากหลากหลายวงการเข้าร่วมด้วยในประเภทสมัครเล่น ซึ่งนักกอล์ฟไทยที่ได้สิทธิร่วมแข่งขันปีนี้มี 2 คน คือ “โปรเมียว” ปาจรีย์ อนันต์นฤการ และ “โปรพราว” ชเนตตี วรรณแสน
เป็นที่น่าเสียดายที่ “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล โปรกอล์ฟมือ 1 ของไทย และมืออันดับ 9 ของโลก ซึ่งเดิมมีชื่อเข้าร่วมแข่งขันทัวร์นาเมนต์ ออฟ แชมเปี้ยนส์ ด้วยเช่นกัน ต้องถอนตัวไปก่อนเพราะมีปัญหาเจ็บนิ้ว รวมถึงถอนตัวรายการ แอลพีจีเอ ไดรฟ์ออน แชมเปี้ยนชิพ ที่รัฐฟลอริดา ในสัปดาห์ถัดไปด้วยเช่นกัน
เท่ากับว่าโปรจีนจะประเดิมการแข่งขันรายการแรกของปีในศึก ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ที่สยาม คันทรี คลับ โอลด์คอร์ส จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 22-25 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นการออกสตาร์ต “เอเชี่ยนสะวิง” ช่วงแรกของปี
โปรจีนนับเป็นหนึ่งในนักกอล์ฟที่ได้รับการจับตามองจากสื่อกอล์ฟทั่วโลกในฤดูกาล 2024 ที่กำลังจะเปิดฉาก เนื่องจากทำผลงานได้ดีสม่ำเสมอตลอด 2 ปีที่ร่วมแข่งขันแอลพีจีเอทัวร์มา
ฤดูกาลแรก ปี 2022 โปรจีนคว้าแชมป์ได้ 2 รายการ พร้อมคว้ารางวัล นักกอล์ฟดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี หรือ “รุกกี้ ออฟ เดอะ เยียร์” มาครอง อีกทั้งยังทำสถิติจบอันดับท็อปเท็นมากที่สุดของทัวร์ รวม 16 รายการ จากการเข้าร่วม 26 รายการ ซึ่งผลงานยอดเยี่ยมดังกล่าวทำให้โปรจีนขึ้นไปครองมือ 1 ของโลกช่วงสั้นๆ 2 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม-13 พฤศจิกายน 2022
ส่วนฤดูกาลที่แล้ว ปี 2023 แม้จะไม่สามารถคว้าแชมป์ได้แม้แต่รายการเดียว แต่โปรจีนก็คว้ารางวัลใหญ่อย่าง แวร์ โทรฟี่ ซึ่งมอบให้กับนักกอล์ฟที่ทำสกอร์เฉลี่ยต่ำสุด สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกอล์ฟคนแรกของแอลพีจีเอทัวร์ที่คว้ารางวัลนี้แม้จะไม่ได้แชมป์แม้แต่รายการเดียว นอกจากนี้ยังทำสถิติจบท็อปเท็นมากที่สุดของทัวร์เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน รวม 13 ครั้ง จาก 21 รายการที่เข้าร่วม ในจำนวนนี้เป็นการติดท็อปไฟว์ถึง 7 รายการ และมีสถิติติดท็อปเท็นเฉลี่ย 62 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าอันดับ 2 อย่าง เนลลี่ คอร์ด้า โปรดังชาวอเมริกัน ถึง 12 เปอร์เซ็นต์
โปรไทยอีกรายที่แอลพีจีเอยกให้เป็นอีกหนึ่งนักกอล์ฟที่มีฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จในปี 2023 คือ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล อดีตมือ 1 ของโลกซึ่งผนึกกำลังกับโปรจีน, “โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล และ “โปรเหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ ร่วมกันคว้าแชมป์กอล์ฟประเภททีม อินเตอร์เนชั่นแนล คราวน์ หนแรกในประวัติศาสตร์ ขณะที่ผลงานส่วนบุคคลก็จบท็อปเท็น 5 รายการ ผลงานที่ดีที่สุดคือการจบอันดับ 2 รายการ ไมเออร์ แอลพีจีเอ คลาสสิก เป็นผลงานที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ร่วมกับพี่สาว โปรโม คว้าแชมป์ ดาว เกรท เลกส์ เบย์ อินวิเตชั่นแนล เมื่อปี 2021
ส่วนโปรกอล์ฟมือท็อปของโลกที่น่าจับตามองในปีนี้ย่อมไม่พ้น ลิเลีย วู มือ 1 โลกชาวอเมริกัน และ เซลีน บูติเย่ร์ มือ 3 โลกชาวฝรั่งเศส ซึ่งปีที่แล้วคว้าแชมป์ไปคนละ 4 รายการ โดยวูคว้าแชมป์เมเจอร์ได้ถึง 2 รายการ ในศึก เดอะ เชฟรอน แชมเปี้ยนชิพ และ เอไอจี วีเมนส์ โอเพ่น ส่วนบูติเย่ร์ได้แชมป์เมเจอร์ 1 รายการ ในศึก เอวิยอง แชมเปี้ยนชิพ
สำหรับการแข่งขันแอลพีจีเอทัวร์ฤดูกาล 2024 คลอดปฏิทินแข่งขันออกมาแล้วรวม 35 รายการ แบ่งเป็นทัวร์นาเมนต์อย่างเป็นทางการ 33 รายการ และทัวร์นาเมนต์พิเศษอีก 2 รายการ คือศึกกอล์ฟประเพณียุโรป-อเมริกา โซลไฮม์คัพ และกอล์ฟประเภททีมผสมชายหญิง แกรนต์ ธอร์นตัน อินวิเตชั่นแนล
แอลพีจีเอฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลประวัติศาสตร์ เนื่องจากชิงเงินรางวัลรวมตลอดปีกว่า 118 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (4,130 ล้านบาท) มากเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มจากปี 2021 ราว ราว 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2,450 ล้านบาท) คิดเป็น 69 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังพยายามขยายฐานความนิยมให้ตอบโจทย์ “นานาชาติ” มากขึ้นด้วยการผลักดันให้เกิดการแข่งขันในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก โดยกระจายแข่งขันใน 15 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกา และอีก 10 ประเทศทั่วโลก
อีกหนึ่งอีเวนต์สำคัญของวงการกอล์ฟโลกซึ่งไม่ได้อยู่ในปฏิทินแข่งขันคือศึก โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งในส่วนของกอล์ฟหญิงจะทำการแข่งขันระหว่างวันที่ 8-11 สิงหาคม นับเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันที่กอล์ฟหญิงบรรจุชิงชัยเหรียญทอง
สำหรับนักกอล์ฟที่เข้าร่วมตามโควต้า 60 คนนั้น จะยึดอันดับโลกเป็นสำคัญ โดยตัดตัวครั้งสุดท้ายเมื่อจบการแข่งขันเมเจอร์ เคพีเอ็มจี วีเมนส์ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ ในวันที่ 24 มิถุนายน โดยมือท็อป 15 ของโลกจะได้สิทธิเข้าร่วมโดยอัตโนมัติ (แต่ไม่เกินชาติละ 4 คน) ส่วนอันดับรองลงมาจะเข้าร่วมได้รวมแล้วชาติละไม่เกิน 2 คน
ณ เวลานี้ นักกอล์ฟสาวไทยที่โควต้าผ่านเกณฑ์เข้าร่วมคือ “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล และ “โปรพราว” ชเนตตี วรรณแสน โดยมี “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล เป็นสำรองอันดับ 1
ยังมีเวลาอีก 5 เดือนเศษในการเก็บคะแนน ให้ได้ลุ้นต่อเนื่องกันไปยาวๆ
