เรียบเรียงไทม์ไลน์สุดปั่นป่วนของฟุตบอลไทย เลื่อนนัดชิงบอลถ้วย 2 รายการ

เรียบเรียงไทม์ไลน์สุดปั่นป่วนของฟุตบอลไทย เลื่อนนัดชิงบอลถ้วย 2 รายการ

จากเหตุการณ์ความวุ่นวายชั่วข้ามคืนของวงการฟุตบอลไทย ที่มีการปรับโปรแกรมนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วย “รีโว่ ลีกคัพ” กลับไปกลับมา จนกลายเป็นกระแสสำหรับแฟนฟุตบอลชาวไทยในเวลานี้

ทีมงาน “มติชน” จะมาไล่เรียงไทม์ไลน์ถึงความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเวลานี้กัน

1. โปรแกรมฟุตบอลลีกประเทศไทย มีการวางเอาไว้ว่าฟุตบอล “รีโว่ ไทยลีก 2023/24” จะปิดฤดูกาลในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ จากนั้นจะปล่อยให้เป็นช่วงเวลาเก็บตัวของทีมชาติ เพื่อลงเล่นฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก รอบสอง กลุ่มซี 2 นัดสุดท้าย ที่จะพบกับ จีน วันที่ 6 มิถุนายน และสิงคโปร์ วันที่ 11 มิถุนายน โดยจะมีการเข้าแคมป์วันที่ 29 พฤษภาคมนี้

Advertisement

2. ส่วนโปรแกรมฟุตบอลถ้วยรายการต่างๆ ในรอบชิงชนะเลิศ มีการกำหนดเอาไว้ว่า นัดชิง “รีโว่ ลีก คัพ 2023/24” จะแข่งขันวันที่ 16 มิถุนายน ส่วน “ช้าง เอฟเอ คัพ” จะชิงชนะเลิศในวันที่ 22 มิถุนายน

3. หลังจากการแข่งขันฟุตบอลช้าง เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ปรากฏว่าได้คู่ชิงชนะเลิศคือ “แข้งเทพ” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด จะพบกับ ดราก้อน ปทุมวัน กาญจนบุรี เอฟซี ปรากฏว่าทั้งสองทีมขอให้เลื่อนวันแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ เนื่องจากเหตุผลเรื่องค่าใช้จ่าย ที่จะต้องจ่ายเงินเดือนนักเตะเพิ่มอีก 1 เดือนเต็ม รวมถึงระยะเวลาในการเตรียมทีมของสโมสรที่ได้แชมป์ในการเข้าร่วมศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก อีลิท รอบเพลย์ออฟ

4. สุดท้ายทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และบริษัท ไทยลีก จำกัด ยินยอมตามคำขอ เลื่อนการแข่งขันมาเป็นวันที่ 1 มิถุนายน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทีมชาติไทย เนื่องจากว่านักเตะของทรู แบงค็อก ที่คาดว่าจะมี 2 คนติดทีมชาติไทย ชุดดวลจีน-สิงคโปร์ จะไม่ได้ซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมช่วงแรก และมาสมทบวันที่บินไปจีน วันที่ 2 มิถุนายนเท่านั้น

Advertisement

5. จากนั้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา รอบรองชนะเลิศของฟุตบอลถ้วยอีกรายการ “รีโว่ ลีกคัพ” ได้คู่ชิงชนะเลิศเป็นการพบกันระหว่าง “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พบกับ “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งตามโปรแกรมเดิม จะเตะกันวันที่ 16 มิถุนายน

6. หลังจากที่เห็นทรู แบงค็อก เลื่อนโปรแกรมนัดชิงมาเตะก่อนเข้าแคมป์ทีมชาติได้ ฉะนั้นทั้งสองทีมให้เหตุผลเดียวกันในการลดภาระค่าใช้จ่าย จึงขอเลื่อนการแข่งขันมาเตะก่อนจะเข้าแคมป์ทีมชาติบ้าง แต่ปัญหาคือทั้งสองทีมนี้มีนักเตะติดทีมชาติรวมกันถึง 8 คนเลยทีเดียว

7. แน่นอนว่าถ้าเลื่อนมา สโมสรจะได้ผลประโยชน์ รวมถึงนักเตะในทีมคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ติดทีมชาติ ก็จะได้ผลประโยชน์เช่นกัน เพราะไม่ต้องเก็บตัวต่อรอจนทีมชาติจบ แล้วมาเล่นนัดชิง ถึงจะปิดฤดูกาลอย่างเต็มตัว แต่ปัญหาคือทีมชาติ ที่จะเก็บตัวตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม จะขาดนักเตะเข้าแคมป์ถึง 10 คน จาก 4 ทีมในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยทั้ง 2 รายการ ยังไม่รวมนักเตะที่เล่นในลีกต่างประเทศ ที่จะตามมาสมทบภายหลังอยู่แล้ว

8. ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จึงมีความเห็นที่ชัดเจนว่าไม่ต้องการให้เลื่อนนัดชิงรีโว่ ลีก คัพ เพื่อผลประโยชน์ต่อทีมชาติ จึงเกิดเป็นข้อขัดแย้งหนึ่งที่ทำให้ “บอสปิ๊ป” นายปวิณ ภิรมย์ภักดี อุปนายกสมาคมฯ ซึ่งเป็นประธานสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ขอลาออกจากตำแหน่งทันที

9. เมื่อเกิดผลกระทบนี้ขึ้น สมาคมฯ พยายามจะง้อด้วยการยอมทำตามคำขอของสโมสร จึงออกแถลงการณ์ เลื่อนโปรแกรมนัดชิงชนะเลิศ รีโว่ ลีก คัพ มาเป็นวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ ตอนช่วงเวลา 21.00 น. ของคืนวันที่ 23 พฤษภาคม

10. เพียงแต่การดำเนินการนี้อาจจะสายเกินไปเพราะนายปวิณ ยังคงยืนยันที่จะลาออกจากตำแหน่งสภากกรรมการเหมือนเดิม

11. หลังจากการเลื่อนโปรแกรมนัดชิงรีโว่ ลีก คัพ มาเป็นวันที่ 30 พฤษภาคม มีเสียงทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ส่วนใหญ่จะออกไปทางไม่เห็นด้วย เพราะแฟนบอลต้องการให้ทีมชาติไทย เตรียมตัวอย่างดีที่สุดสำหรับฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก 2 นัดสุดท้าย ที่ทีมชาติไทยต้องชนะทั้ง 2 เกม เพื่อลุ้นเข้ารอบ 18 ทีมสุดท้ายต่อไป

12. “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้เรียกสภากรรมการเข้าประชุมด่วน หลังจากที่ “บอสปิ๊ป” นายปวิณ ภิรมย์ภักดี ขอลาออกจากตำแหน่งอุปนายกสมาคม ในช่วงเช้าวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนสุดท้ายมีการสรุปว่าจะเลื่อนการแข่งขันฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศ ทั้ง 2 รายการ ออกไปแข่งขันหลังจากจบโปรแกรมของทีมฟุตบอลทีมชาติไทย โดยรอยืนยันวันแข่งขันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อเอื้อให้ มาซาทาดะ อิชิอิ และทัพช้างศึก มีเวลาเตรียมทีมเต็มที่ และให้ดีที่สุด ก่อนลงเล่น 2 เกมสำคัญที่กำลังจะมาถึง

13. ความโชคร้ายของปัญหานี้ คนที่ได้รับผลกระทบที่สุดอาจจะเป็น ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เพราะก่อนหน้านี้โปรแกรมนัดชิงช้าง เอฟเอ คัพ เลื่อนมาก่อนเป็น 2 สัปดาห์ ทีมก็มีการเตรียมความพร้อมต่างๆ รวมถึงนักเตะเองก็น่าจะวางแผนพักผ่อนแล้วเช่นกัน แต่เมื่อปรับโปรแกรมแบบนี้อาจจะต้องยกเลิกแผนงานที่วางไว้ทั้งหมดทันที

บทสรุปของเรื่องนี้ เกิดจากการวางโปรแกรมที่ไม่มีการคิดคำนวณให้ดีมาตั้งแต่ต้น ของบริษัท ไทยลีก จำกัด รวมถึงสโมสรเองที่เข้าประชุมในการจัดวางโปรแกรม ก็ไม่ทัดทานตั้งแต่แรกว่า การเอานัดชิงชนะเลิศทั้ง 2 รายการมาแข่งขันหลังจากจบฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก จะส่งผลกระทบมากแค่ไหน เพราะตอนนั้นแต่ละสโมสรไม่มีใครคิดว่าตัวเองจะเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศแล้วจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบ!

ส่วนสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก็ต้องรับผิดชอบเต็มๆ กับการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ถ้ามีแนวคิดที่จะต้องการทำแบบใดแล้ว ก็ไม่ควรเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสต่างๆ ทำตัวเป็น “ไม้หลักปักขี้เลน” แบบนี้

แน่นอนว่าทุกคนต้องการเอาผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง สโมสรก็ต้องยึดผลประโยชน์ของตัวเอง ส่วนสมาคมฯ ก็ต้องเอาผลประโยชน์ของทีมชาติเป็นอันดับหนึ่งเช่นกัน

ฉะนั้นครั้งนี้จึงเป็นบทเรียนที่ดีให้กับสมาคมฟุตบอลฯ รวมถึงบริษัท ไทยลีก และสโมสรทุกทีม ที่จะต้องทำงานร่วมกันให้ดีกว่านี้ ไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลัง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image