โปรจีนกับแอลพีจีเอปี 2024 เริ่มต้นด้วยอุปสรรค ลงท้ายอย่างยิ่งใหญ่
การแข่งขันกอล์ฟหญิง แอลพีจีเอทัวร์ ฤดูกาล 2024 ปิดฉากลงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กับรายการส่งท้ายปี ซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่ง “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล โปรกอล์ฟสาวมือ 1 ของไทยวัย 21 ปี คว้าแชมป์มาครองด้วยการเฉือนชัยเหนือโปรเจ้าถิ่น แองเจิล หยิน ที่หลุมสุดท้าย
นับเป็นการปิดฤดูกาลอย่างน่าประทับใจสำหรับโปรจีน หลังจากเริ่มต้นปีด้วยอุปสรรค จากปัญหาอาการบาดเจ็บที่นิ้วมือ ทำให้ต้องพลาดการแข่งขันหลายรายการ กว่าจะได้ประเดิมทัวร์นาเมนต์แรกก็ล่วงเข้ากลางเดือนเมษายน ในศึกเมเจอร์ เดอะ เชฟรอน แชมเปี้ยนชิพ
โปรจีนเปิดใจในช่วงที่กลับมาแข่งขันใหม่ๆ ว่า ช่วงที่พักไปทำให้เรียนรู้หลายอย่าง ท่ามกลางความกังวลที่ไม่ได้จับไม้กอล์ฟลงแข่งขันเลย คือความรู้สึกที่ว่าขอแค่ได้กลับมาเล่นกอล์ฟอีกครั้ง ส่วนเรื่องผลการแข่งขันนั้นถือเป็นเรื่องรอง
โปรจีนค่อยๆ เคาะสนิมและกลับมาทำผลงานได้ดีและสม่ำเสมอขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง
ฤดูกาล 2024 โปรจีนลงแข่งขัน 17 รายการ ผ่านการตัดตัว 15 รายการ คว้าแชมป์ได้ 2 รายการ คือ ศึก ดาว แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ประเภททีม 2 คน ที่จับคู่กับ หยิน รั่วหนิง เพื่อนสนิทชาวจีน ก่อนมาส่งท้ายด้วยแชมป์รายการใหญ่ ซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งเท่ากับว่าจนถึงขณะนี้โปรจีนคว้าแชมป์แอลพีจีเอทัวร์ไปแล้ว 4 รายการ

เนื่องด้วยศึก ซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ ปีนี้เป็นปีแรกที่มอบเงินรางวัลให้แชมป์สูงถึง 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 138 ล้านบาท) ถือเป็นเงินรางวัลสูงที่สุดในประวัติศาสตร์วงการกอล์ฟหญิง ส่งผลให้โปรจีนมีเงินรางวัลสะสมตลอดทั้งปี 6,059,309 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 209 ล้านบาท) สูงที่สุดในทัวร์ และเป็นเงินรางวัลสะสมสูงที่สุดในประวัติศาสตร์แอลพีจีเอทัวร์อีกด้วย
นอกจากนี้ โปรจีนยังคว้ารางวัลนักกอล์ฟที่ทำผลงานการเล่นหลุมยากดีที่สุดในรอบปี รางวัล เอออน ริสก์ รีวอร์ด ชาลเลนจ์ พร้อมโบนัส 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 34.5 ล้านบาท) ถือเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมหลังจาก 2 ปีที่ผ่านมา โปรจีนทำสถิติเป็นอันดับ 2 ในการลุ้นรางวัลนี้มาตลอด
ปีนี้โปรจีนยังทำสถิติจบอันดับท็อป 10 รวม 12 รายการ สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของทัวร์ เป็นรองเพียง รยู แฮรัน จากเกาหลีใต้เพียงรายการเดียว ถือเป็นการรักษามาตรฐานได้ดีต่อเนื่อง จากที่ครองอันดับ 1 การติดท็อป 10 ของทัวร์ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

จนถึงขณะนี้เทียบสัดส่วนระหว่างจำนวนรายการที่ร่วมแข่งขันกับการติดอันดับท็อป 10 โปรจีนมีสถิติเฉลี่ยที่ 64 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของแอลพีจีเอโดยอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ตำนานสวิงอย่าง ลอเรน่า โอชัว อดีตมือ 1 โลกชาวเม็กซิกัน ซึ่งทำสถิติเป็นอันดับ 3 ที่ 62.3 เปอร์เซ็นต์ และ อันนิก้า ซอเรนสตัม ตำนานชาวสวีดิช ที่ทำสถิติเป็นอันดับ 1 ที่ 67.4 เปอร์เซ็นต์
ผู้บรรยายของ กอล์ฟ แชนเนล กล่าวถึงโปรจีนระหว่างการถ่ายทอดสด ซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ ไว้อย่างน่าสนใจว่า จุดแข็งอย่างหนึ่งที่ทำให้โปรจีนทำผลงานได้ดีสม่ำเสมอคือการตัดสินใจที่ถูกต้องในช่วงเวลาสำคัญ ยืนยันได้จากสถิติต่างๆ ของโปรจีนในทัวร์ในฤดูกาลนี้ โดยสถิติที่ติดอันดับ 1 ของทัวร์
อาทิ สถิติสกอร์เฉลี่ยต่อรอบ 69.33, สถิติ GIR (Greens in Regulation) หรือสถิติการตีขึ้นกรีนได้ตามมาตรฐานของหลุมนั้นๆ 77.20 เปอร์เซ็นต์, สถิติจำนวนพัตต์เฉลี่ยต่อการออนกรีนตาม GIR 1.75, สถิติตีขึ้นกรีนจากแฟร์เวย์ 85.13 เปอร์เซ็นต์, สถิติทำสกอร์เฉลี่ยรอบสอง 69.13 รวมถึงการทำสถิติสกอร์เฉลี่ยการเล่นหลุมพาร์ 4 และพาร์ 5 ดีที่สุด 3.96 และ 4.49 ตามลำดับ
ด้านนิตยสาร กอล์ฟวีค ระบุว่า การตัดสินใจที่ถูกที่ถูกเวลาคือเงื่อนไขสำคัญของการลุ้นรางวัล เอออน ริสก์ รีวอร์ด ชาลเลนจ์ ซึ่งถือว่าปีนี้โปรจีนและโค้ชกับทีมงานวางแผนมาดีมากๆ
ส่วน กอล์ฟ ไดเจสต์ วิเคราะห์ว่า ถ้าไม่นับเรื่องการรักษามาตรฐานสม่ำเสมอ ก็ถือว่าหลังประสบความสำเร็จในปีแรกที่เข้าร่วมแอลพีจีเอทัวร์ในปี 2022 ซึ่งโปรจีนคว้ารางวัลนักกอล์ฟหน้าใหม่ยอดเยี่ยมมาครอง พร้อมกับแชมป์แอลพีจีเออีก 2 รายการ นักกอล์ฟสาวไทยฟอร์มสะดุดไปนานทีเดียว

ก่อนมาถึงศึก ซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ โปรจีนไม่ได้แชมป์ประเภทเดี่ยวมาร่วม 2 ปีแล้ว แม้ปีที่แล้วจะคว้ารางวัลสกอร์เฉลี่ยต่ำสุดของทัวร์ “แวร์โทรฟี่” มาครองได้ ก็ไม่มีแชมป์ใดๆ ติดมือ จนกลายเป็นนักกอล์ฟคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้ารางวัลนี้ทั้งที่ไม่มีแชมป์ใดๆ
กอล์ฟ ไดเจสต์ ระบุด้วยว่า ยิ่งมาเจอกับความไม่แน่นอนจากปัญหาบาดเจ็บช่วงต้นปียิ่งน่าจะสร้างความกังวลให้สาวไทยได้ไม่น้อย แต่ฟอร์มการเล่นในหลุม 17 และ 18 ของโปรจีนที่เก็บอีเกิ้ลและเบอร์ดี้จนคว้าแชมป์ได้นั้น แสดงให้เห็นถึงการเติบโตในเกมกอล์ฟ โดยเฉพาะด้านจิตใจ
โปรจีนคุมเกมได้ดีในหลุมสุดท้าย ทั้งหวดแอพโพรชช็อตด้วยเหล็ก 6 ที่ตกบนกรีนอย่างนุ่มนวลห่างหลุมเพียง 4 ฟุตเศษ และพัตลงไปอย่างสวยงาม
โปรจีนเผยกับสื่อในภายหลังว่า แง่มุมความคิดในการเล่นหลุมสุดท้ายคือการพยายามแสดงให้แฟนๆ ได้เห็นและทำให้ดีที่สุด เพราะรู้ว่าไม่ใช่หลุมง่าย
กอล์ฟ ไดเจสต์ บอกว่า เมื่อคว้าแชมป์บุคคลได้สำเร็จหลังว่างเว้นไปนานร่วม 2 ปี ย่อมหมายถึงการยกภูเขาออกจากอก หลังจากนี้โปรสาววัย 21 ปี น่าจะก้าวไปข้างหน้าแบบคลายความกดดันไปได้มาก
…ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่บรรดาคู่แข่งของโปรจีนอาจจะต้องเกรงกลัวเสียเอง!
