วิกฤติลูกหนังแซมบ้า ได้เวลาใช้โค้ชนอกกอบกู้หรือยัง?
ฟุตบอลทีมชาติบราซิลมีการเปลี่ยนแปลงตัวเฮดโค้ชอีกครั้ง หลังจากที่สหพันธ์ฟุตบอลแซมบ้าประกาสปลด ดอริวัล จูเนียร์ ออกจากตำแหน่ง ปิดฉากการทำงานคุมทีมในระยะเวลา 14 เดือน
ฟางเส้นสุดท้ายขาดลงเมื่อดอริวัล พาทีมบุกแพ้อาร์เจนตินา 1-4 ในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ นอกจากความพ่ายแพ้ที่ยักเตะทีมชาติบราซิลออกมาบอกว่า “น่าอับอาย” แล้ว ทีมอริอย่างทัพฟ้า-ขาว ก็การันตีการไปป้องกันแชมป์โลกก่อนเกมที่จะฟาดแข้งกันแล้ว ยิ่งถล่มคู่แข่งแย่งความยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังโลกได้อีก ยิ่งเป็นการการันตีความเหนือชั้นของอาร์เจนตินาไปในตัว
ความพ่ายแพ้ในเกมล่าสุด ทำให้บราซิลอยู่ในอันดับ 4 ของตาราง ซึ่งเป็นอันดับที่ยังได้ไปลุยเวิลด์คัพ 2026 ผลงาน 5 นัดหลังสุดก่อนเจออาร์เจนตินา ชนะ 3 เสมอ 2 แต่ก็ยังมีข่าวคราวการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือเป็นคาร์โล อันเชล็อตติ อยู่เรื่อยๆ
ถ้ามองย้อนกลับไปหลังไม่ประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2022 ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ด้วยการแพ้การดวลจุดโทษโครเอเชีย ติเต้ โบกมือลาทีมชาติไป และตั้ง แฟร์นานโด ดินิซ ขึ้นมาคุมทีม แต่ดินิซยังไม่สามารถมาทำงานได้เต็มตัว เพราะต้องให้เสร็จภารกิจกับสโมสรก่อน จึงตั้ง รามอน เมเนเซส มาเป็นกุนซือชั่วคราว เพื่อรอให้ดินิซมาทำงานชั่วคราวเช่นกัน ซึ่งแนวทางในตอนนั้น สหพันธ์ฟุตบอลบราซิลหวังว่าอันเชล็อตติจะมาคุมทีมก่อนลุยโคปา อเมริกา 2024 แต่กลับไม่เป็นไปตามแผน อันเช่ไม่มา และไม่มีทางเลือกที่ดีกว่า ดอริวัลที่พาฟลาเมงโก้คว้าแชมป์โคปา ลิเบร์ตาดอเรส จึงถูกเลือกให้มากุมบังเหียนทีมแซมบ้า แต่ก็ไม่สามารถทำผลงานเป็นที่ไว้วางใจของแฟนบอลและสหพันธ์ได้อีกคน
ดอริวัลออกมาให้สัมภาษณ์หลังจบเกมชนะโคลอมเบีย 2-1 ก่อนจะถูกปลดประมาณ 1 สัปดาห์ ว่า เราได้เห็นว่าทีมดีขึ้นมาเรื่อยๆ ในทุกเกม แต่กลับโดนสื่อบราซิเลียนจวกยับ
“เราคงต้องใช้แว่นขยายตรวจดูพัฒนาการของทีมแล้วล่ะ” หรือ “เราอยากเห็นสิ่งที่แตกต่างไปจากนี้”
วินิซิอุส จูเนียร์ กำลังสำคัญของบราซิล ออกมาเปิดใจหลังพ่ายอาร์เจนตินายับเยินว่า ฟุตบอลโลกกำลังจะมาถึงในอีกปีกว่าๆ แล้ว ที่ผ่านมาเคยเล่นในรอบสุดท้ายมาแล้ว และไม่อยากแพ้อีก ทุกคนในทีมรู้ดีว่าการเล่นให้ทีมชาติบราซิลใมันยากแค่ไหน แต่เราต้องทำให้ดีขึ้น ต้องเดินหน้ากันต่อ เพราะชาวบราซิเลียนไม่เคยยอมแพ้ เราต้องผ่านเข้ารอบสุดท้ายให้ได้ เราต้องทุ่มเททุกอย่างเพื่อชาติ
ทำให้มองกันว่า ในอีก 15 เดือนที่เหลือ ก่อนที่ฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย จะเริ่มขึ้น บราซิลจะมีทิศทางอย่างไร
ที่ผ่านมาบราซิลเคยมีโค้ชที่ไม่ใช่ชาวบราซิเลียนมาแล้ว ฟิลโป นูนเญซ เป็นโค้ชชาวอาร์เจนไตน์ที่คุมทีมบราซิล ในปี 1965 และเป็นโค้ชที่ไม่ใช่ชาวบราซิเลียนคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้คุมทีมชาติบราซิล แต่ในยุคหลังเป็นเรื่องยากมากที่จะได้เห็นโค้ชนอกมาทำงานให้มหาอำนาจลูกหนังทีมนี้
อันเชล็อตติเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในหลายปีหลัง รองลงมาก็เป็น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือชาวสเปนที่ทำผลงานได้สุดยอดกับทุกสโมสรที่เขาทำงานให้ นอกจากนั้นยังมีชื่อของ ฟิลิเป้ หลุยส์ เฮดโค้ชฟลาเมงโก้คนปัจจุบัน ที่เป็นแคนดิเดท
การจะได้อันเช่หรือเป๊ปมาฟื้นทีมทันที ยังเป็นไปได้ยาก อย่างน้อยก็ต้องรอให้เขาต้นสังกัดไปลุยฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 ที่สหรัฐอเมริกา ในเดือนกรกฎาคม ให้เสร็จสิ้นก่อน ถึงจะมีความชัดเจน แต่ถ้าต้องการโค้ชในประเทศเองแล้ว โอกาสเปิดกว้างเสมอ เพราะโค้ชบราซิลมีความฝันจะคุมทีมชาติกันทั้งนั้น
มีการวิเคราะห์กันว่า วิกฤติที่ฟุตบอลบราซิลกำลังต่อสู้อยู่นั้น คือ การไม่สามารถสร้างโค้ชมือดีได้เหมือนเมื่อก่อน ดอริวัล จูเนียร์ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า แม้ว่าเขาจะทั้งเคยค้าแข้งและคุมทีมในบราซิลด้วยระยะเวลารวมกัน 40 ปี แต่ในระดับโลก เขายังไม่เคยสัมผัสจุดนั้น ประสบการณ์ในบ้านยังไม่เพียงพอที่จะพาทีมแซมบ้าไปได้ไกลพอ
โค้ชที่ประสบความสำเร็จในฟุตบอลลีกของบราซิลในช่วงหลัง มาจากอาร์เจนตินาหรือโปรตุเกส อย่างแชมป์ลีกสูงสุด เมื่อฤดูกาลก่อนของโบตาโฟโก้ ก็มี เรนาโต้ ไปว่า โค้ชชาวโปรตุกีสคุมทีม หรือแชมป์บอลถ้วยที่โครินเธียนส์เพิ่งฉลองไป ก็มาจากฝีมือของ ราม่อน ดิอาซ โค้ชชาวอาร์เจนไตน์
ดังนั้นการพึ่งพาโค้ชที่ไม่ใช่ชาวบราซิเลียนเพื่อกลับไปสู่ความสำเร็จให้ได้อีกครั้ง ก็เป็นแนวทางที่สหพันธ์ฟุตบอลบราซิลต้องยอมรับว่าถึงเวลาที่ต้องทำ
ในเรื่องของตัวนักเตะนั้น บราซิลไม่เคยขาดยอดนักเตะในทุกยุค สามประสานในแดนหน้าที่มีทั้ง วินิซิอุส, ราฟินญ่า, โรดรีโก้ ที่ไปเปรี้ยงปร้างในสเปน ผู้รักษาประตูอย่าง อลิสซอน, เอแดร์ซอน ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากที่อังกฤษ ไม่นับรวมดาวดังอีกหลายคนในยุโรป และดาวรุ่งจากลีกบราซิลเอง แต่ปัญหาอาจจะอยู่ที่การจัดทัพ วางแผน ของโค้ชที่ยังใช้นักเตะได้ไม่เต็มศักยภาพพอ
ถ้าถามว่าฟุตบอลบราซิลจะเดินไปในทิศทางไหน ก็คงต้องรอการตั้งโค้ชถาวรคนใหม่ก่อน ก็น่าจะเห็นชัดเจนขึ้น แต่ระยะเวลาอีก 14 เดือน ที่มีเป้าหมายไกลถึงการเป็นแชมป์โลกนั้น จะทำได้หรือไม่ ก็ต้องพิจารณากันไประหว่างทาง เป้าระยะสั้นที่จะไปลุยฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ให้ได้ ต้องประสบความสำเร็จเป็นลำดับแรก
เมื่อถึงฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าบราซิลจะเข้ามาด้วยผลงานที่ดีหรือแย่ พวกเขาจะยังคงเป็นทีมเต็งแชมป์ที่คู่แข่งต้องระมัดระวังโดยอัตโนมัติ
ถึงแม้ว่าจะไม่ดุดันสมชื่อมาพักใหญ่แล้วก็ตาม
