‘ชาร์ลี’ ลูกไม้ไม่ไกลต้น ‘ไทเกอร์ วู้ดส์’ กับเส้นทางที่ยังไม่ราบรื่น
การเป็นทายาทของนักกีฬาดัง มักโดนกดดันจากการจับตามองของคนรอบข้างว่าเขาหรือเธอได้รับการถ่ายทอด “ดีเอ็นเอ” จากพ่อหรือแม่มากน้อยขนาดไหน โดยเฉพาะคนที่ตัดสินใจหยิบจับกีฬาแบบเดียวกัน
ยิ่งถ้าพ่อกับแม่ของพวกเขาเหล่านั้นเป็นซุปเปอร์สตาร์นักกีฬาระดับนานปีมีหน หรือเป็นที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยแล้ว ยิ่งถูกประเมินผลงานและเปรียบเทียบฝีมือในช่วงอายุเดียวกันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ไปอีก
ตัวอย่างชัดเจนที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ คือ บรอนนี่ เจมส์ ลูกชายของ เลอบรอน เจมส์ ยอดนักบาสระดับตัวท็อปในประวัติศาสตร์เอ็นบีเอ ที่ได้ร่วมทีม แอลเอ เลเกอร์ส ต้นสังกัดเดียวกับผู้เป็นพ่อ แต่อิมแพกต์กับทีมและวงการยังไม่โดดเด่นแต่อย่างใด
หรือจะเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมฟุตบอลทีมชาติโปรตุเกสที่มีชื่อติดทีมชาติเยาวชนเป็นครั้งแรกเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน
ช่วงนี้ อีกหนึ่งทายาทนักกีฬาที่สื่อระดับโลกให้ความสนใจและติดตามผลงานมากเป็นพิเศษ คือ ชาร์ลี วู้ดส์ ลูกชายคนเดียวของ ไทเกอร์ วู้ดส์ อดีตโปรกอล์ฟมือ 1 ของโลกชาวอเมริกันซึ่งใครๆ ยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักกอล์ฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของโลก
ปัจจุบันชาร์ลีอายุ 16 ปี เล่นกอล์ฟเยาวชนในสังกัดโรงเรียนเบนจามิน สคูล ในรัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นโรงเรียนดังใกล้สนามกอล์ฟสำคัญๆ มีลูกคนดังและลูกโปรกอล์ฟเข้าเรียนหลายคน

ที่ผ่านมา ชาร์ลีตกเป็นข่าวในสื่อกอล์ฟหลายครั้ง เนื่องจากจับคู่กับคุณพ่อลงแข่งขันกอล์ฟรายการพิเศษ พีเอ็นซี แชมเปี้ยนชิพ ที่ให้สิทธิโปรกอล์ฟดีกรีแชมป์เมเจอร์จับคู่กับคนในครอบครัว 1 คน ลงแข่งขัน 36 หลุม เป็นอีเวนต์พิเศษช่วงปลายปี
ชาร์ลีลงแข่งพีเอ็นซี แชมเปี้ยนชิพ พร้อมไทเกอร์มาตั้งแต่ปี 2020 ตอนอายุ 11 ขวบ และแข่งมาเป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบัน โดยช่วง 2 ปีหลัง พี่สาว แซม อเล็กซิส ก็มาช่วยถือถุงให้ กลายเป็นกิจกรรมน่ารักของครอบครัว
จากการเข้าร่วมแข่งขัน 5 ครั้ง พ่อลูกวู้ดส์ทำผลงานดีที่สุดในตำแหน่งรองแชมป์ 2 ครั้ง ในปี 2022 และ 2024 ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวทำให้สื่อกอล์ฟและคนในแวดวงตื่นตัว และติดตามการเติบโตของชาร์ลีบนเส้นทางสายนี้ด้วยความคาดหวัง
ต้องยอมรับว่า สิ่งหนึ่งที่วงการกอล์ฟโหยหาอย่างมากเวลานี้คือ “ซุปเปอร์สตาร์” ที่จะมาดึงความสนใจจากแฟนๆ และคนทั่วไป เพราะถึงแม้ในแง่ฝีมือและผลงานในสนาม นักกอล์ฟมือท็อปของโลกหลายคนจะทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ในแง่ “สตาร์พาวเวอร์” หรือการเป็นที่รู้จักและดึงดูดให้คนสนใจ ถึงแม้ไม่ใช่แฟนกีฬานั้น ถือว่าห่างหายไปจากพื้นที่สื่อนานแล้ว
ตั้งแต่ไทเกอร์ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 จนสภาพร่างกายไม่ปกติเหมือนก่อน เขาแทบไม่ได้กลับมาเล่นกอล์ฟอาชีพต่อเนื่องเป็นเรื่องเป็นราว
โปรดังที่ชื่อชั้นและผลงานพอจะดึงคนให้สนใจได้บ้างในปัจจุบันก็คือ รอรี่ แม็คอิลรอย แต่ก็ยังไม่สุดเท่ากับสมัยไทเกอร์อยู่ดี
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สื่อและคนในแวดวงจะคาดหวังให้ชาร์ลีเติบโตขึ้นมาเป็นนักกอล์ฟชั้นเลิศตามรอยเท้าพ่อ มี “สตอรี่” ให้ขายจับความสนใจของแฟนๆ และคนทั่วไปอีกครั้ง
สำหรับผลงานในการเล่นกอล์ฟระดับเยาวชนของชาร์ลี เขาเป็นตัวแทนแข่งขันให้กับโรงเรียนเบนจามินมาโดยตลอด

เมื่อปลายเดือนที่แล้ว เพิ่งเรียกเสียงฮือฮาด้วยการคว้าแชมป์รายการของ สมาคมกอล์ฟเยาวชนแห่งสหรัฐอเมริกา (เอเจจีเอ) เป็นครั้งแรก ในรายการ ทีม เทย์เลอร์ เมด อินวิเตชั่นแนล โดยทำสกอร์ 3 วัน 15 อันเดอร์พาร์ ทิ้งห่างอันดับ 2 ร่วม 3 สโตรก
ผลงานดังกล่าวทำให้อันดับนักกอล์ฟเยาวชนของชาร์ลีจากการจัดอันดับของเอเจจีเอกระโดดจากอันดับ 609 ขึ้นไปอยู่อันดับ 14 ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงรายการใหญ่หรือการรักษาฟอร์มการเล่นให้ดีสม่ำเสมอ ชาร์ลียังไม่สามารถทำในจุดนี้ได้ โดยล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ลงแข่งกอล์ฟสมัครเล่นของรัฐ ฟลอริดา อเมเจอร์ แชมเปี้ยนชิพ ครั้งที่ 108 ผ่านการตัดตัวก็จริง แต่หวดเกิน 18 โอเวอร์พาร์ จบอันดับ 66 ร่วม
ขณะที่ความพยายามในการลุ้นตั๋วเข้าไปเล่นกอล์ฟระดับเมเจอร์ผ่านการคัดเลือกรายการต่างๆ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ชาร์ลีเข้าร่วมแข่งรายการคัดเลือกเมเจอร์ ยูเอส โอเพ่น ระดับท้องถิ่น แต่ไม่ผ่านเข้ารอบลึก
แน่นอนว่าแต่ละสเต็ปของลูกชายไม่พ้นโดนสื่อจับไปเปรียบเทียบกับผู้เป็นพ่อ

ไทเกอร์เคยลงเล่นกอล์ฟเยาวชนในสังกัดของเอเจจีเอ 13 รายการ ระหว่างปี 1991-1993 คว้าแชมป์มาครองได้ 8 ครั้ง ส่วนชาร์ลีคว้าแชมป์แรกปลายเดือนที่แล้วจากการเข้าร่วม 5 ครั้ง
ส่วนการลุ้นตั๋วเมเจอร์นั้น เนื่องจากไทเกอร์เคยได้แชมป์เยาวชนสมัครเล่นของสหรัฐจึงได้เข้าไปเล่นรอบคัดเลือกรอบลึกระหว่างปี 1992-1994 และได้สิทธิเล่นยูเอส โอเพ่น หนแรกในปี 1995
ว่ากันตามจริงแบบไม่อวยเกินเหตุ ชาร์ลี วู้ดส์ ยังมีหนทางอีกยาวไกลกว่าที่จะเทียบกับผลงานในช่วงอายุเดียวกันของผู้เป็นพ่อได้ ไหนจะต้องแบกรับความกดดันมหาศาลจากความคาดหวังของคนรอบข้างอีก
ตัวอย่างที่มีให้เห็นคือกรณีของบรอนนี่ ลูกชายเลอบรอน เจมส์ ซึ่งช่วงแรกๆ เริ่มต้นไม่ดีจนโดนวิจารณ์เละ แต่พอมีโอกาสได้ฉายแสง ก็ทำได้แบบไม่น่าเกลียด แม้จะไม่หวือหวาน่าประทับใจเหมือนผู้เป็นพ่อ
หรืออย่างแซม ลูกสาวคนโตของไทเกอร์ แม้จะเล่นฟุตบอลหญิงและกรีฑาในระดับไฮสคูล แต่มีแผนจะไปสายวิชาการเมื่อเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัยแทน
ส่วนชาร์ลีนั้น มีแนวโน้มว่าน่าจะตามรอยเท้าพ่อต่อไป แต่จะไปได้ไกลถึงไหนนั้น อาจต้องเอาใจช่วยกันยาวๆ
