เคาต์ดาวน์ ทู ‘รัสเซีย 2018’ : กลุ่มบี ‘สเปน-โปรตุเกส’ นอนมา

สำหรับ กลุ่มบี ใน ฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ เพราะว่ามี 2 ยักษ์ใหญ่แห่งยุโรปทั้ง “กระทิงดุ” สเปน แชมป์เก่า 1 สมัย และ โปรตุเกส ร่วมกลุ่มอยู่

หลังจากที่ผิดหวังตกรอบแรกใน ฟุตบอลโลก 2014 ต่อเนื่องกับผลงานที่ไม่ค่อยดีใน ฟุตบอลยูโร 2016 ทำให้ทีมกระทิงดุเข้าสู่ยุคผลัดใบ

บีเซนเต้ เดล บอสเก้ อำลาทีมไป และกลายเป็น ฆูเลน โลเปเตกี กุนซือวัย 51 ปี ซึ่งเคยคุมทีมเยาวชนของสเปนคว้าแชมป์ยุโรปทั้งยู-19 และยู-21 มาครองได้ ขึ้นมาเป็นกุนซือทีมชาติชุดใหญ่แทน

ทีมกระทิงดุยังคงเป็นสิงห์สนามซ้อมเช่นเดิม เมื่อในรอบคัดเลือก แม้ว่าจะต้องอยู่ในกลุ่มที่หนักเพราะต้องเจอกับ “อัซซูรี่” อิตาลี แต่พวกเขากลับได้แชมป์กลุ่มโดยมีแต้มห่างจากอิตาลีถึง 5 แต้มด้วยกัน

Advertisement

แม้ว่าแชมป์ปี 2010 จะอยู่ในช่วงผลัดใบ แต่ทีมชุดนี้ของพวกเขายังนำมาโดยแข้งกำลังหลักอย่าง เซร์คิโอ รามอส, อันเดรียส อิเนียสต้า รวมทั้ง ดาบิด ซิลบา เมื่อนำมารวมกับบรรดาแข้งดาวรุ่งที่ลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นหนแรกอย่าง ซาอูล ญีเกซ หรือ มาร์โก้ อเซนซิโอ ก็ยังทำให้สเปนยังคงเป็นทีมที่น่าจับตามองอยู่เสมอ

ทีมต่อมาของกลุ่มนี้ เป็นตัวแทนจากกาฬทวีปอย่าง โมร็อกโก ซึ่งผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 5 เพียงแต่ครั้งสุดท้ายของพวกเขาต้องย้อนกลับไปในปี 1998 ที่ฝรั่งเศสเลยทีเดียว โดยครั้งนี้พวกเขาสามารถเอาชนะทั้ง ไอวอรีโคสต์, กาบอง และ มาลี เป็นแชมป์กลุ่มซี โซนแอฟริกา ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้

Advertisement

โมร็อกโกนั้นเป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่ยื่นเสนอจัดฟุตบอลโลกในปี 2026 ซึ่งจะเป็นปีแรกที่มีจำนวนทีมมากถึง 48 ทีม แต่พวกเขายังต้องลุ้นแย่งกับแคนาดา, เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา เสียก่อน

ทีมชุดนี้ชื่อผู้เล่นอาจจะไม่คุ้นเคยนัก แต่ก็มีผู้เล่นที่อยู่ในลีกใหญ่ๆ ของยุโรปอยู่บ้าง อาทิเช่น เมห์ดี้ เบนาเตีย เซ็นเตอร์แบ๊กกัปตันทีมชาติของ “ม้าลาย” ยูเวนตุส หรือดาวรุ่งอย่าง ฮาคิม ไซเยช กองกลางของอายแอ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่ทำประตูในนามทีมชาติไปแล้วถึง 7 ประตูจากการลงเล่นเพียง 13 นัดเท่านั้น

มาต่อกันที่ตัวแทนจากทวีปเอเชียอย่าง อิหร่าน กันบ้าง พวกเขายังคงเป็นทีมอันดับ 1 ของเอเชียอยู่อย่างต่อเนื่อง ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายด้วยการเป็นแชมป์ของกลุ่มเอ ในรอบคัดเลือกโซนเอเชีย ด้วยผลงาน 10 นัดไม่แพ้ใคร แถมมีแต้มห่างจากรองแชมป์กลุ่มอย่างเกาหลีใต้ถึง 7 แต้มด้วยกัน

อิหร่านชุดนี้มีผู้เล่นหลายคนที่โลดแล่นอยู่ในยุโรป อาทิ เซอร์ดาน อัซมูน ดาวยิงสูงสุดประจำทีมจากสโมสร รูบิน คาซาน ในลีกรัสเซีย หรือกองหน้าจอมเก๋าอย่าง เรซ่า กูชาเนยาด ของ เฮเรนวีน ในเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ทีมชาติอิหร่านนั้นยังคงมีอาถรรพ์ เพราะ 4 ครั้งที่ผ่านมาที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายนั้น กลับยังไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบสองได้แม้แต่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นจึงเป็นงานหนักของ คาร์ลอส เคยรอช กุนซือชาวโปรตุกีส ที่จะต้องพาทีมล้างอาถรรพ์ให้ได้

ปิดท้ายด้วยแชมป์ยุโรปทีมล่าสุดอย่างทีมชาติ โปรตุเกส แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งคว้าแชมป์ยุโรปมาได้ แต่กว่าจะผ่านรอบคัดเลือกมาสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ ต้องลุ้นกันจนถึงเกมสุดท้าย ด้วยการเอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 2-0 คว้าแชมป์กลุ่มด้วยประตูได้เสียที่ดีกว่า ถีบส่งสวิสให้ไปเล่นรอบเพลย์ออฟหวุดหวิด

สำหรับโปรตุเกสนั้นน่าแปลกใจว่านี่เป็นการผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายเพียงครั้งที่ 7 เท่านั้น ซึ่งผลงานที่ดีที่สุดขอพวกเขาคือการผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกได้ในปี 1966 และ ปี 2006 แต่ก็ยังไม่เคยผ่านเข้าถึงรอบชิงได้แม้แต่ครั้งเดียว

เฟร์นันโด ซานโตส ยังคงได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่กุนซือของทีมอยู่ และผู้เล่นที่เขาเลือกในครั้งนี้ยังคงเต็มไปด้วยผู้เล่นชุดเดิมจากการคว้าแชมป์ยุโรปเมื่อ 2 ปีก่อน อาทิเช่น คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เชา มูตินโญ่, เชา มาริโอ และโชเซ่ ฟอนเต้ เป็นต้น

สำหรับกลุ่มนี้คิดว่าคงจะเป็นการฟาดฟันกันของทั้ง 2 ทีมจากยุโรป ในการลุ้นแชมป์กลุ่มเพื่อเข้าสู่รอบสอง เพียงแต่ว่าต้องมาดูกันว่าทั้งโมร็อกโกกับอิหร่าน จะทำตัวเป็นเพียงเพื่อนร่วมกลุ่มธรรมดา หรือเป็นม้ามืดที่พร้อมจะตัดแต้ม หรือแอบลุ้นผ่านเข้าสู่รอบสอง

พร้อมส่งให้ยักษ์ใหญ่ทีมใดทีมหนึ่งต้องร่วงรอบแรกหรือไม่?

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image