“มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช นักบิดสาวไทยหนึ่งเดียวของศึก เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2018 สร้างผลงานประทับใจอีกครั้งกับเรซที่สองในอินโดนีเซีย เมื่อบิดแซงคู่แข่ง 5 คันรวดก่อนจบตำแหน่งท็อป 5 ของรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนลุยสนามสุดท้ายในบ้านของตัวเองที่เมืองไทย เดือนพฤศจิกายนนี้
การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประจำทวีป รายการ “เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2018” มีคิวดวลความเร็วสนามที่ 5 ระหว่างวันที่ 12-14 ตุลาคมนี้ ที่สนาม เซนตุล อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศอินโดนีเซีย
โดยในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเรซที่ 2 ของรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. ดวลกันทั้งสิ้น 12 รอบสนาม ซึ่งนับเป็นสนามแรกในรอบ 2 เดือนที่นักบิดสาวแกร่งชาวไทยอย่าง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช หมายเลข 44 จาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ คัมแบ๊กสู่การแข่งขันอีกครั้ง โดยได้ออกตัวจากกริดสตาร์ตที่ 6 ส่วนทีมเมทอย่าง “นิว” กฤชพร แก้วสนธิ หมายเลข 35 ออกตัวจากกริดที่ 14
เกมในเรซที่ 2 ของสุดสัปดาห์นี้ที่ประเทศอินโดนีเซีย ยังคงเป็นงานหนักของนักบิดไทยทุกคน ซึ่งเป็นรองด้านความคุ้นเคยสนาม รวมถึงพื้นสนามที่มีคลื่นหลายจุด ส่งผลให้ยากต่อการเซตอัพของทีมงาน
มุกข์ลดาซึ่งออกสตาร์ตจากกริดที่ 6 ร่วงลงไปอยู่ในอันดับ 8 หลังผ่านรอบแรก ทว่าจากทักษะที่ยอดเยี่ยม และการเอาตัวรอดในกลุ่มนักบิดชายที่ขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้นักบิดสาวแกร่งชาวไทยยังสามารถรักษาอันดับในกลุ่มชิงอันดับ 5 ได้จนถึงช่วง 3 รอบสุดท้าย
จบการแข่งขัน 12 รอบสนาม มุกข์ลดายอดนักบิดสาวแกร่งหนึ่งเดียวของไทยบิดเข้าป้ายในอันดับ 5 ได้สำเร็จ โดยทำเวลาตามหลังแชมป์อย่าง อาวิน ซานจายา นักบิดอินโดนีเซียจากแอสตร้า ฮอนด้า 13.395 วินาที นับเป็นการคัมแบ๊กกลับมาสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้อีกครั้งหลังเว้นจากการแข่งขันไปกว่า 2 เดือน นับเป็นผลงานดีที่สุดของเด็กไทย ก่อนกลับมาลุ้นแชมป์สนามสุดท้ายในไทยต้นเดือนธันวาคมนี้
ด้าน กฤชพร ทีมเมทจาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ สนามนี้เจอสถานการณ์ยากลำบากในกลุ่มหลัง แต่ยังสามารถเอาตัวรอดนำรถเข้าป้ายในอันดับ 15 คว้า 1 แต้มจากเรซที่ 2 ได้สำเร็จ ด้วยเวลาตามหลังแชมป์ 1 รอบสนาม
สำหรับการแข่งขัน เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2018 สนามถัดไป ซึ่งเป็นสนามสุดท้ายของปีจะดวลความเร็วกันที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-2 ธันวาคมนี้
