ตามที่คณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬายิงธนูแห่งประเทศไทย ได้รับเกียรติจาก สหพันธ์กีฬายิงธนูโลก และ สหพันธ์กีฬายิงธนูแห่งเอเชีย ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬายิงธนูคนพิการชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นการเก็บคะแนนสะสมเพื่อสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ สนามยิงธนูหัวหมาก ในบริเวณของการกีฬาแห่งประเทศไทย ในระหว่าง ระหว่างวันที่ 20-25 ตุลาคม โดยมีนักกีฬายิงธนูคนพิการจาก 18 ประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย ,ภูฎาน, สาธารณรัฐประชาชนจีน, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, อิหร่าน, อิรัก, ญี่ปุ่น, คาซัคสถาน, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, มองโกเลีย, สิงคโปร์, ศรีลังกา, ไต้หวัน, อุซเบกิสถาน, อินเดีย และ ไทย ร่วมกว่า 103 คน เข้าร่วมชิงชัย
ผลการชิงชัยล่าสุด ทัพนักกีฬายิงธนูพาราทีมชาติไทย สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้า 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง โดยเหรียญเงินได้จาก ภัทรภร ปัตตะแวว ในประเภทคันธนูโค้งกลับบุคคลหญิง พร้อมทั้งคว้าโควต้า เข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2020 สำเร็จ และอีกเหรียญได้จากคันธนูทดกำลัง ทีมชาย ขณะที่เหรียญทองแดง ได้จาก บุญฤทธิ์ ไชยพูน ในประเภท คันธนูโค้งกลับ บุคคลชาย
นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิคแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นักยิงธนูทุกคนมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ ทำให้ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะได้มากกว่า 10 คน มากกว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้ว แต่จากที่ได้เรียนรู้จากบราซิลก็คือสภาพสนาม สำคัญมากที่นักกีฬาต้องเรียนรู้สภาพแวดล้อมของสนาม ตอนนี้จึงพยายามจัดหาสนามฝึกซ้อมที่ใกล้เคียงกับสนามแข่งขันจริง ซึ่งตอนนี้ก็เก็บตัวฝึกซ้อมกันที่ศูนย์มวกเหล็ก ซึ่งตอนนี้แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าสนามแข่งจริงเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยก็ได้พยายามเติมประสบการณ์ให้กับนักกีฬาในอีกมิติหนึ่ง และนักกีฬาทุกคนใจเต็มร้อยอยู่แล้ว จึงเชื่อว่าจะสร้างเหรียญประวัติศาสตร์อีกครั้ง หลังจากที่ประเดิมเหรียญเงินประวัติศาสตร์จากบราซิลเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
สำหรับผลงานของทีมโรบินฮูดพาราทีมชาติไทย ขณะนี้คว้าสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้แล้ว 4 คนด้วยกัน คือ หาญฤชัย เนตศิริ ในประเภท คันธนูโค้งกลับบุคคลชาย, อานนท์ อึ้งอภินันท์ ในประเภทคันธนูทดกำลังบุคคลชาย และ คมสัน สิงห์ภิรมย์ ในประเภทคันธนูทดกำลังบุคคลชาย และ ภัทรภร ปัตตะแวว ในประเภทคันธนูโค้งกลับบุคคลหญิง
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
