‘วิ่งเทรล อินทนนท์’ คาดเงินสะพัด 200 ล้าน ถกรับนักวิ่งต่างชาติยันทำตามมาตรการรัฐ
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย ร่วมกับ นายกริชสยาม คงตรี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอนอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมจัดการแข่งขันวิ่งตามภูมิประเทศ (เทรล รันนิ่ง) ตามมาตรฐานยูทีเอ็มบี-อัลตร้า เทรล มองต์ บล็องก์ รายการ อัลตร้า เทรล ไทยแลนด์ 2020 โดยมีคณะกรรมการเข้าร่วม
เขาร่วม ที่ประชุมแจ้งว่า อันตร้า เทรล ไทยแลนด์ 2020 มีกำหนดการจัดระหวางวันที่ 30 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2563 ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ โดยมีการเปิดรับสมัครไปตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2563 ซึ่งมีสนใจผู้สมัครร่วมวิ่งกว่า 1,000 คน เป็นนักวิ่งต่างชาติสมัครร่วมวิ่ง กว่า 100 คน แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทำให้นักกีฬาต่างชาติหลายคนทะยอยขอถอนตัวออกไป นายทนุเกียรติ กล่าวว่า ภายหลังไทยได้รับเลือกให้บรรจุเป็นสนามแข่งขันที่ 6 ของรายการเทรลระดับโลกอย่างยูทีเอ็มบีในปีนี้ ได้เริ่มดำเนินการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เรื่อยมา ซึ่งรายการนี้ได้รับความสนใจจากนักวิ่งไทยที่จะสมัครเข้าร่วมเป็นอย่างมาก ทั้งนี้หากไทยเปิดประเทศ ผนวกกับเรามีการทำมาตรการสาธารณสุข ก็อาจจะมีนักวิ่งจาต่างประเทศเข้ามาด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องคุยกับ ศบค.อีกรอบว่ามีความเสี่ยงหรือคุ้มค่าหรือไม่ ที่จะทำเช่นนั้น
“เบื้องต้นเราได้มีการหารือและพูดคุยกันมาตลอดอนุมัติในกลุ่มของนักวิ่งอาชีพในต่างแดนสามารถเข้าร่วมแข่งขันได้ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขของเราอย่างเคร่งครัด ทั้งการทำประกันโควิด การเข้ากักตัว 14 วัน ตามมาตรการรัฐ ซึ่งเราก็เล็งใช้โรงเเรมบนเกาะมันนอก จ.ระยอง ที่ได้เดินทางไปสำรวจมาเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนเป็นสถานที่กักตัวนักวิ่งอาชีพจากต่างชาติ ซึ่งก็ถือที่นั่นมีความพร้อมและเหมาะสมเป็นที่กักตัว”
นายทนุเกียรติ กล่าวต่อว่า นักกีฬาต่างชาติที่พำนักอยู่ในไทยมาเป็นระยะเวลานานแล้ว เรายินดีที่จะให้นักกีฬากลุ่มนี้ลงแข่งขัน ซึ่งก็เพื่อประโยชน์ในการเผยแพร่ และประชาสัมพันธ์การแข่งขันที่เราเตรียมทั้งเส้นทางสวยๆวิวธรรมชาติ รวมถึงสอดแทรกวัฒนธรรมของชนเผ่าท้องถิ่นลงไปในกิจกรรมนี้ออกไปสู่ญาติพี่น้องของพวกเขา หรือสายตาชาวโลก และเราก็พร้อมจะจัดการแข่งขันขึ้นให้ได้ตามมาตรฐานของยูทีเอ็มบีทุกประการ เพื่อโอกาสผ่านประเมิน ได้รับการบรรจุให้เป็นสนามแข่งขันในปีต่อไป และก็คาดว่าน่าจะมีเม็ดเงินจากการจัดการแข่งขันราว 150-200 ล้านบาท
“นอกจากการจัดวิ่งแล้ว ในปีนี้จะมีการเพิ่มกิจกรรมพิเศษ เป็นกิจกรรมเสริม เพื่อประชาสัมพันธ์ประเทศ โดยเป็นการมุ่งเน้นนำเสนอวัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านกิจกรรมกีฬา เช่น การแข่งขันกีฬาชาวไทยภูเขา ซึ่งเป็นการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน พร้อมด้วยการประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยกิจกรรมแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม (, คอนเสิร์ตและแคมป์ปิ้ง เป็นต้น” นายทนุเกียรติ กล่าวทิ้งท้าย
